[สรุป] คอร์ส Google Digital Marketing ตอนที่ 2: Attract and Engage Customers with Digital Marketing
มาพบกับตอนที่ 2 ของคอร์ส Google Digital Marketing & E-commerce Professional Certificate ก็ตอนนี้ก็ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนเรื่องของ SEO & SEM หรือที่เราเรียกกันว่าคือการทำ Digital Marketing บน Search Engine ก็เป็นเรื่องที่เหมือนหัวใจหลักของ Digital Marketing เลย เนื้อหาก็อัดแน่น ส่วนที่ผมสรุปมาก็จะเป็นแค่บางส่วนผมเห็นว่าสำคัญๆ ก็ลองไปดูกันได้ฮะ
ส่วนที่ถ้าใครอยากอ่านตอนที่แล้วก็ตามลิงก์ได้เลยฮะ
“นึกถึง Search Engine นึกถึง SEO & SEM”
Week 1
Introduction to attract and engage customers with digital marketing
อาทิตย์นี้ก็มาพูดถึงเรื่อง Persona และกลยุทธ์ Marketing Funnel ที่ลึกขึ้นจากตอนที่แล้ว เริ่มจาก Persona ที่ก่อนเราเริ่มทำ Digital Marketing เราควรรู้จักลูกค้าเราก่อน โดย Persona เป็นตัวแทนลูกค้านั้น ก็ส่วนประกอบ Persona ที่เราตอบได้ควรมีดังนี้
- Who: ลูกค้าคือใคร
- Goal: เขาต้องการอะไร
- Barrier: อะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้ไม่ได้ตาม Goal
ต่อไปก็ Marketing Funnel ก็อย่าเพิ่งลืมไปกันนะครับจากตอนที่แล้วว่ามีอะไรบ้าง
Awareness Strategy
- Search Engine Optimization (SEO)
- Search engine marketing (SEM)
- Display Ads
- Social media marketing
- Social media advertising
- Video Marketing
- Influencer marketing
- Content Marketing
Consideration Strategy
- ทำให้มี Unique Selling Proposition บอกว่าสินค้าเราดีกว่าคู่แข่งเราอย่างไร
- Testimonials รีวิวลูกค้าเก้าว่าสินค้าดี
- Case Studies บอกเล่าเรื่องราวลูกค้าเก่า
- Remarketing Ads ทำ Ads กลับหลังจากเข้ามาเว็บเรา หรือสนใจสินค้าจากที่อื่น
- Webinars ทำประชุมออนไลน์โปรโมตสินค้า
- Email Marketing
- Social Media Marketing
Conversion Strategy >> eCommerce Conversion rate ปกติ คือ 1–2%
- ทำให้ Check out process ตอนจะซื้อมันง่าย >> Field กับ Page ที่เพิ่มขึ้นมาทุกอัน มีผลต่อการลด Conversion Rate
- รูปสินค้าสวยๆ
- มีคำอธิบายสินค้าเขียนน่าชวนซื้อ
- มี Live Chat
- เตือนว่ามีสินค้าที่ไว้ในตะกร้าค้างไว้ของลูกค้า
- เพิ่มความเร็ว Web >> ทุก 1 วิที่โหลดช้า Conversion rate ลดลง 20%
- ให้ทดลองใช้ หรือรัปประกันเงินคืน
- ทดสอบ AB testing
Loyalty Strategy >> มันคือ Free marketing
- Reward Program
- Email Marketing
- การแชร์บอกต่อ
- การ Remarketing
- การให้คนรีวิวสินค้าหลังขาย
- Offer วันเกิด หรือโอกาสพิเศษ
- Freebie ให้ของที่มีโลโก้แบรนด์ เช่น เสื้อ, สติกเกอร์
- ใช้คำที่ให้ลูกค้ารุ้สึกตื่นเต้นหลังจากซื้อสินค้ามากกว่าคำเป็นทางการ
Week 2
Understand search engine optimization (SEO)
SEO = การทำให้ Content ของเว็บติด Rank ของ Search Engine เช่น Google
ก่อนการทำ SEO ก็คือเหมือนเรื่องอื่นเลย เราต้องรู้ว่าลูกค้าคือใคร เป้าหมายของการทำ SEO คืออะไร โดยคอนเซปต์พื้นฐาน SEO ที่เราควรรู้นะครับ
วิธีจับของ Search Engine
- Crawling: กระบวนการดูข้อมูลที่อัปเดตของเว็บ
- Indexing: หลังจาก Crawl ตัว Search ก็จะเอา URL เว็บ และ Content ไปเก็บเป็น Index
- Serving: Algorithm จัดอันดับบน Search Engine ทำงาน
ปัจจัยการขึ้นอันดับ SEO
- Query คำที่ใช้ค้นหา
- ความสัมพันธ์คำที่ใช้ค้นหากับ Keyword ของเว็บ
- คุณภาพของ Content ที่สัมพันธ์กับคำที่ใช้ค้นหา
- UX ของเว็บที่ใช้งานง่าย
- พวก Context & Setting เช่น สถานที่ Search, ประวัติการ Search
SERPs Features
- Feature Snippet: ตัวที่ขึ้นปกติ
- Rich Result: ตัวที่ขึ้นแปลกๆจากเว็บแบบพิเศษ เช่น รีวิวมีดาว
- Image รูป
- Video
- Local Result: พวก Map หรือของที่ขายอยู่ไกล้ๆตัว
Bounce rate = % ที่คนดูเว็บ 1 หน้าแล้วออกจากเว็บ
การจัดโครงสร้าง Website ให้รองรับ SEO
- ทำโครงสร้างแต่ละหน้าเว็บให้เป็น Hierarchy ให้ทุกหน้าเชื่อมกันเป็นลำดับได้หมด และควรเป็น Flat ให้มากที่สุด เช่น Home Page >> Category >> Sub-category >> Product
- ทำ Breadcrumbs
- ทำ URLs ให้อ่านได้ สั้นที่สุดที่เป็นไปได้ และอัปเดตลิงก์ที่ไม่ใช้ออก
- ทำ 404 pages
Week 3
Apply search engine optimization (SEO)
การใช้ Image ในเว็บให้รองรับ SEO
- ใช้รูปให้สอดคล้อง Content และรองรับการแสดงผลทุก Device
- ทำชื่อไฟล์รูปให้อ่านได้มีความหมาย และไม่ Spam คำ
- ใส่ชื่อ Alt Text ที่อ่านได้ในรูปด้วย
- ใช้ PageSpeed Insights วัด
คำแนะนำ SEO อื่นๆ
- ใส่ Page Title ทุกหน้า และชื่อควร Uniqie และสั้นๆได้ใจความ
- ใส่ Meta description ทุกหน้าถ้าเป็นไปได้, ทำเนื้อหาให้ตรงกับ Content, ควรเป็น Unique ของแต่ละหน้า
- ใช้ Google Rich Results Test เช็ก Schema ของ Rich Result หน้าที่ต้องการได้
- ใช้ Google Search Console Tools เช็ก Performance เว็บใน Google Search
- ควรส่ง Sitemap ของเว็บใน Google Search Console ด้วย
- ของ Bing ใช้ Bing Webmaster Tools เช็ก Performance เว็บ Bing Serch
- ใช้ Backlink เป็นลิงค์ที่ชี้กลับมาที่เว็บไซต์ของเราจากเว็บไซต์อื่นๆ ช่วยเรื่อง SEO ได้
Week 4
Search engine marketing (SEM) and display advertising
SEM = การจ่ายเงินเพื่อให้ขึ้น Ads บน Search Engine เช่น Google
Google Display Network = การลง Ads ตามเว็บต่างๆ เช่น Banner, Video
TrueView Video Ads = Ads บน Youtube
Pay-Per-Click (PPC) Advertising = Ads Model จ่ายเมื่อมีคนคลิก
ประเภท Ads
- Text Ads
- Shopping Ads
- Local Service Ads
- Google Ads Map
- Call Ads (ขึ้นเฉพาะ Mobile)
ตัวอย่างประเภท Ads Extension
- Sitelink Extension (ลิงก์เว็บ)
- Call Extension (โทร)
- Location Extension (ตำแหน่งแผนที่)
- Price Extension
- Snipper Extension (ข้อมูล Product ย่อย)
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับการขึ้น Ads
- ราคา Bid ที่ตั้ง
- Quality ของ Ads และ Content ของหน้าที่เกี่ยวข้อง
- Ad Extensions ที่สอดคล้องกับ Content
คำแนะนำอื่นๆ
- อย่าใช้ศัพท์ Sales ที่ Generic เกินไป เช่น Sign up today สมัครเลยวันนี้ เปลี่ยนให้คำ Specific มากขึ้น เช่น Sign up your dream job.
- การทำ Responsive display ads ควรอัปโหลดอย่างน้อย 5 headlines, 5 images และ 5 descriptions.
สรุปส่งท้าย
ก็ทั้งหมดเป็นแค่ Intro ของ SEO & SEM ที่เหลือก็คือการนำความรู้พื้นฐานเหล่านี้ลองไปใช้จริง เพราะ ผมเชื่อว่าเรื่อง SEO & SEM ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ Trial & Error ล้วนๆ ยิ่งทำเยอะยิ่งเก่ง เป็นกำลังให้เพื่อนๆที่อยากทำสายนี้ครับ ตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่อง Social media ใครสนใจก็ไปต่อโลดๆ