ตอนนี้จะเป็น Review การตรวจ DNA ของ จีเนียส ดีเอ็นเอ ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน ที่ไม่ใช่เป็นการเรื่องตรวจชาติเผ่าพันธ์สำหรับหาพ่อแม่ให้ลูกอีกต่อไป แต่มันลงลึกไปถึงการเรื่องตรวจความเสี่ยงของโรค พรสวรรค์ พฤติกรรมอะไรอีกมากมาย ผมเชื่อว่ามีหลายคนอยากลอง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเอง หรือพาลูกไปตรวจ แต่ด้วยที่ราคาก็ไม่ได้เป็นมิตรมาก ก็เลยยังลังเล ดังนั้นผมเลยอยากขออาสาสมัครเป็นตัวแทนหมู่บ้านครับ แบบจ่ายเองจริง ลองเองจริง แบบไม่หน้าม้า ก็ลองดูกัน ใครสนใจก็อ่านต่อได้เลย 🧬😀
“🧬การตรวจ DNA มหัศจรรย์ ใช้แค่น้ำลาย ได้ผลลัพธ์ออกมากว่า 500 เรื่อง!!🧬”
🧬ทำไมถึงตรวจ DNA?
ปกติก็ส่วนใหญ่การตรวจ DNA แบบนี้ ก็จะนิยมกันในหมู่เด็กๆ ที่เอาไว้หาพรสวรรค์ และวัยรุ่นจนถึงวันประมาน 30 ที่เอาไว้ดูโอกาสที่เป็นโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับผมเหตุผลการตรวจก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร พอดีเจอคนรีวิวตรวจ DNA บน Facebook แล้วรู้สึกว่า เอ้ย มันเห็นผลตรวจผลของตัวเองได้หลายอย่างดี ไม่ใช่แค่แบบรู้ว่าเรามีเชื้อชาติ เผ่าพันธ์อะไร แต่แบบมันรู้ลึกไปถึงเลยว่าเราว่าโอกาสเป็นโรคอะไร แพ้อะไร พรสวรรค์อะไร ต้องออกกำลังอย่างไร ควรกินยังไง โดยเพียงแค่ใช้น้ำลายตรวจอย่างเดียว!! สำหรับผมที่เป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ ก็เลยไม่พลาดครับ
ส่วนว่าทำไมผมเลือก Geneus DNA ก็เพราะว่ามันถูกดี เทียบกับเจ้าอื่นอย่าง CircleDNA แบบตรวจที 2–3 หมื่น แถมผลตรวจออกมาก็พอๆกัน 500 รายการ และ Geneus เขาเคลมว่ามี Data จากคนไทยวิเคราะห์มากที่สุด ซึ่งความน่าเชื่อถือข้อมูลพวกนี้มันจะมากน้อยเท่าไร มันก็มาจาก Stat ในฐานข้อมูลที่ใกล้เคียงนี่แหละ ผมก็เลยตัดสินใจลองตรวจสักครั้งดูในชีวิต ใช้ Geneus สนับสนุนบริษัทไทยๆ
🧬วิธีการตรวจ
สำหรับเพื่อนๆที่อยากตรวจของ Genus DNA อันนี้ก็แนะนำว่าให้ซื้อผ่าน Shopee นะครับ เพราะ ได้ราคาถูกกว่า อย่างผมก็ซื้อตัว Premium ช่วง Pay Day ก็ได้ส่วนลดมา 2 พันกว่า จากราคาเต็ม 8,900 ส่วนตัว Standard จะมีราคา 5,900 ซึ่งตัว Premium มันจะได้เพิ่มตัวรายงานเรื่องโรคเพิ่มเข้ามา ก็ถ้าเป็นการตรวจของผู้ใหญ่ และมีทุนหน่อย ผมก็คิดว่าจัดตัว Premium ไปเลยก็ดีครับ
การตรวจก็ หลังจากได้ที่ตรวจมา ก็เดินไปสาขาให้พนักงานตรวจให้เลยก็ได้ครับ ตอนนี้มี 4 สาขา หรือถ้าตรวจเองก็ง่ายๆ เพียงแค่หยิบไม้ Swap จากกล่องที่คล้ายๆตอนตรวจโควิด มาถูเหงือกกลับไปกลับมาสัก 2 นาที แล้วเก็บตัวอย่างน้ำลายเข้าที่ตรวจก็เรียบร้อย
หลังจากที่เก็บผลเสร็จ ก็ให้โหลดแอป Geneus DNA ลงโทรศัพท์ แล้วใช้แอปสแกน บนกล่องตรวจเพื่อลงทะเบียน ถ้าใครตรวจเอง ก็ให้ส่งผลตรวจไปที่ไปรษณีย์ตามที่อยู่กล่องตรวจ หลังจากนั้น Genuses ก็จะส่งผลไปที่ Lab ที่อเมริกาเพื่อทำการวิเคราะห์ พอวิเคราะห์ผลเสร็จ ผลมันก็จะถูกส่งมาที่แอป โดยในเคสผมก็ใช้เวลาการรอผลตรวจทั้งหมด 17 วัน นับตั้งแต่ส่งผลตรวจให้พนักงานที่สาขาไป
🧬ผลตรวจที่ได้
ผลการตรวจก็มีกว่า 500 รายการ สำหรับตัว Premium และประมาน 250 รายการสำหรับตัว Standard ซึ่งสามารถดูผลใน Mobile App ได้เลย หรือให้ดาวน์โหลดเป็น Report ก็มี อันนี้ก็ Report ของผมแบบไม่หวง PDPA เป็นตัวอย่าง
https://drive.google.com/file/d/1YvWnE8NQK2sCRvjqYXiqW5Eo5u3BES-o/view?usp=sharing
สำหรับข้อมูลถ้ามีอะไรใหม่ๆ ทาง Genus ก็จะมีอัปเดตเข้ามาเรื่อยๆที่ Mobile โดยที่เราไม่ต้องเสียเงิน หรือตรวจใหม่เพิ่มอีก ก็เป็นอีกข้อดีของเจ้านี้
ส่วนนี้เป็นข้อมูลเด่นๆที่ได้มาจากการตรวจของ Geneus ใน Mobile นะครับ ก็อันนี้ผมมาลองสังเกต แล้วเอามาเทียบกับตัวเองดู ว่าตรงไม่ตรงขนาดไหน ก็ลองดูเป็นตัวอย่างประกอบการตัดสินใจได้ครับ
อย่างแรกของ Geneus สามารถตรวจพรสวรรค์ และเชื้อชาติคนของได้ อันนี้ไม่ปฏิเสธหน้าผมจีนมาก อันนี้น่าจะตรง ส่วนพรสวรรค์พูดยาก เพราะ อันที่คิดว่าไม่ตรงกับเรา มันอาจเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยลองจริงๆจังๆก็ได้ อย่างดนตรีกับภาษาส่วนตัวคิดว่าไม่มีเซนส์เลย แต่ก็ได้ Excellence หรืออย่างส่วนความสามารถด้านสมาธิก็คิดว่าของตัวเองก็พอใช้ได้ แต่ก็ไม่ใช่เป็นคนที่เก่งกับการจดจ่อจนถึงเรียกว่ามีพรสวรรค์แบบ Gifted หรืออันที่เห็นเด่นชัด คือ คณิตศาสตร์ที่คิดว่าอันนี้ไม่น่าจะแพ้คนอื่น แต่กลับได้ Normal อันนี้ก็ไม่ตรง ส่วนอันอื่นก็คิดว่าพอถูๆไถๆได้
ถามว่าหลังจากที่ผมได้รู้ข้อมูลส่วน Talent Report นี้ แล้วเอาไปต่อยอดอะไรได้ไหม ส่วนตัวก็คิดว่าก็คิดว่าแค่รู้ แล้วยังไงต่อล่ะ จะย้ายงานให้กับตรงผลนี้เลยก็ไม่ใช่ เพราะ เราก็เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง 55+ ก็คิดว่าข้อมูลส่วนนี้น่าจะออกแบบมาเหมาะกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ถ้าเทียบกับกับผมที่เคยทำแบบทดสอบ Strength Finder อันนี้ตรงจุดกว่าเยอะ มีแนะนำ Next Step อะไรหมด
สำหรับเด็ก Talent Report ผมคิดว่ามีประโยชน์นะ จะได้ใช้เป็นเข็มทิศช่วยกรองว่าเราควรส่งลูกเรียนไปลองแนวไหนก่อน ไม่ต้องเสียเวลา ลองผิดลองถูกทุกอัน แล้วพอให้ลูกเรียนจริงก็ดูว่าเขาชอบ ไม่ชอบ แบบนี้น่าจะตรงกว่า
ส่วน Personality Traits แอบไม่ตรง อันที่เห็นตรงๆเลยคือ เรื่องแรงจูงใจออกกำลังกายที่บอกว่าต่ำ แต่ชีวิตที่ผ่านมา 15 กว่าปีคือ คือ ผมออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 วันแทบไม่ขาด หรือจะเรื่องที่บอกว่าเป็นคนไม่แอคทีฟตอนเช้า อันนี้ก็ตั้งแต่เกิดมาก็ตื่นเช้าประมาน 6, 7 โมงตลอดไม่เว้นวันเสาร์ อาทิตย์
เรื่อง Physical Trait ส่วนใหญ่ก็ตรง จะมีเรื่องผมบางที่แอบเคือง เพราะ ตอนแรกพอเห็นผลบอกตัวเองอาจเสี่ยงผมบาง ทั้งที่ผมหนา แต่พอมาคิดๆดู ตอนช่วงไปตัดผม ช่างส่วนตัวก็เคยทักผมเหมือนกันว่าช่วงขวัญของผมแอบบาง แล้วก็อาจเสี่ยงผมบางจริงๆในอนาคต อันนี้ก็เลยคิดว่าพอได้
ส่วนเรื่องยีนคู่รักอันนี้ แอบคิดว่า Bias ที่ใช้เกณฑ์อายุ 35 เพราะ แบบส่วนใหญ่ก่อนอายุ 35 ทุกคนก็น่าจะเคยมีแฟนหรือคู่รักสักครั้ง ก็ลองดูแล้วใช้วิจารณญาณกันนะครับ แต่เอาเป็นว่าส่วนของผมคิดว่าไม่ตรง 55
ส่วนการคุมน้ำหนัก ข้อมูลบอกว่าผมเหมาะกับการคุมแคลอรี่ หรือทำ IF มากกว่าการกิน Keto และการออกกำลังก็ควรทำแบบ Cardio ซึ่งมันก็เป็นหลักทั่วไปของการลดความอ้วนอยู่แล้ว ช่วงเพิ่มกล้ามก็ยกเวต ถ้าจะลีนก็ต้องวิ่ง และคุมแคลอรีเพิ่ม อันนี้พูดยากมันต้องเป็นคนที่ได้เคสกินคีโต กับฝึกกล้ามเนื้อ แล้วให้ลองไปเทสว่าแบบไม่คาร์ดีโอ แล้วยกเวตกับกินคีโตอย่างเดียวดูซิ้ ลดน้ำหนักได้ไหม
ส่วน Nutrition คิดว่าตรง เพราะ ปกติเป็นคนไม่กินกาแฟ กินแล้วปวดหัว ส่วนนมวัวกินแล้วก็ปวดท้อง การติดหวานก็ไม่ติดขนาดนั้น ผลออกมาก็ตรง
ส่วนของ Vitamin อันนี้ไม่รู้ Prove ยังไงนะครับ อย่างวิตามิน B หรือน้ำมันปลา ที่บอกว่าขาด ในอดีตที่ผมซื้อมากินติดต่อกัน 3 เดือน ร่างกายก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร บอกยากมากว่าข้อมูลนี้น่าเชื่อถือไหม อาหารเสริมมันเป็นเรื่องของ Prevention มากกว่า Cure ก็ลองดูกันครับ
ส่วนของโรคก็ดูได้หลายอย่างดี ก็คงได้แต่เชื่อ แล้วก็ระวังตัวดู อย่างเรื่องมะเร็งปอด ในประวัติครอบครัวผมก็ไม่มีใครเคยเป็น แต่ใครจะไปรู้มันอาจจะเกิดกับเรา ส่วนตัวก็จะระวังเป็นพิเศษไว้ก่อน ในเรื่อง ฝุ่น บุหรี่ ประมานนี้ครับ อันนี้ก็แนะนำแบบ Premium นะครับ ถ้าอยากจะดูเรื่องโรคจริง เพราะ มันยังเช็กข้อมูลได้อีกมากมายนอกจากที่ยกตัวอย่างในรูป ในขณะที่ตัว Standard มันไม่มี
สุดท้ายใน Report ก็สามารถเช็กเรื่องยาที่แพ้ได้ด้วยครับ อันนี้ก็มีประโยชน์ เผื่อเวลาเราไปหาหมออะไรในอนาคต เราก็สามารถยื่นตัวข้อมูลตรวจ DNA นี้ได้เลย แล้วก็มีเรื่องภูมิแพ้ กับตรวจสภาพผิวอันนี้ก็ดี รู้แล้วเราจะป้องกันได้แต่เนิ่นๆ อันนี้ส่วนตัวก็ชอบเหมือนกัน
สำหรับข้อมูลอื่นๆที่ได้นอกจากที่ผมยกตัวอย่างสามารถไปเช็กที่หน้าเว็บของ Geneus ได้ครับ
ด้วยข้อมูลที่เยอะ พอได้มาผมว่าทุกคนงง ผมก็งง ซึ่งสำหรับใครที่ซื้อ Premium มันจะมี Session ปรึกษาผลกับหมอผ่าน Line Call ฟรี 30 นาที ก็ใครงงอะไร อยากปรึกษาอะไร ก็คุยกับหมอได้เลยครับ
🧬พาร์ท VDO Call กับหมอ
หมอมี 4 คนครับ กว่าจะนัดได้อาจต้องรอคิวกันหน่อย อย่างเคสผมก็กว่าจะได้คิว ก็ 2 อาทิตย์หลังได้ผลตรวจ แล้วตอนวันใกล้ตรวจ คิวผมก็เกือบโดนเลื่อนอีกด้วยนะ ซึ่งถ้าคิวของผมโดนเลื่อน กว่าจะได้นัดอีกทีก็ยาวเดือนนึงเลย
แนะนำว่าก่อนมาคุยให้ทำการบ้านมาว่าอยากถามอะไรเป็นพิเศษ และเตรียมปากกา สมุดจดให้พร้อมครับ และ Line Call ผ่าน PC ดีกว่าเพราะ หมอจะแชร์หน้าจอให้ดูด้วย ก็คำแนะนำของหมอจะมี Insight และมีประโยชน์มากกว่าการอ่าน Report อย่างเดียวแน่นอน
เคสของผมโชคดีได้คุยกับหมอเขตที่เป็น Co-founders และเป็นคนทำวิจัยตัว Report นี้ออกมา เลยถามได้เต็มที่ และหมอก็ใจดีตอนคุยก็ให้เวลาเกิน 30 นาทีผมด้วยนะ เพราะ ผมถามเยอะมาก 55 ก็ได้ความรู้ใหม่ๆมากมาย แถมสนุกดี
ผมเจาะไปที่คำถามที่น่าสนใจที่ผมถามหมอ และคิดว่าทุกคนที่ตรวจก็น่าจะอยากรู้เลยดีกว่า คือ “ความแม่นยำของผลตรวจ”
สรุปแล้วคือผลตรวจแต่ละส่วนมีความแม่นยำจากการใช้ข้อมูล DNA ไม่เท่ากัน โดยถ้าให้เรียงลำดับง่ายๆจากมากไปน้อย
- ชาติกำเนิด, บรรพบุรุษ >> มีความแม่นยำมากเกือบ 100% อาจมีแบบ +- 10%
- โรค, แพ้ยา, Carrier Status
- Nutrition, การออกกำลังกาย
- พวก Traits ที่เหลือต่างๆ >> มีความแม่นยำเพียง 10–20% หรืออาจต่ำกว่านั้น
แล้วถ้าลงลึกไปอีก การเอาข้อมูลวิเคราะห์มาใช้มันมีจะมาจากข้อมูล DNA ที่เป็นยีนส์เดี่ยว และหลายยีนส์ โดยผลวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นยีนส์เดียวจะมีความแม่นยำมากถึง 20–80% ในขณะที่เป็นหลายยีนส์จะมีความแม่นยำเพียง 10–20% ที่เหลือจะเป็นปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นพวกพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่ข้อมูลที่ได้วิเคราะห์จากใน Report ของ Geneus จะเป็นข้อมูลหลายยีนส์ ยกเว้นพวกเรื่องโรค แพ้ย้า ที่มีการผสมการวิจัยทั้งระหว่างหลายยีนส์ และยีนส์เดี่ยว
โดยพวกข้อมูลเรื่องโรคหลังจากไปอ่านผลก็อย่าเพิ่งไปตกใจมากครับ ยกตัวอย่างเคสของผมที่ Report บอกว่าผมมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไป 1.6 เท่า ซึ่งถ้านับเป็น % โอกาสที่ผมจะเป็นมีเพียง 0.05% x 1.6 = 0.08% เท่านั้น (นับจาก Stat ที่คนไทยโอกาสเป็นมะเร็ง 50 คนใน 1 แสนคน) โดยถ้าเป็นเคสที่คนโอกาสเป็นมากที่สุดอาจจะเพิ่มเป็น 4 เท่า ก็โอกาสเพิ่มสูงสุดเป็นเพียง 0.2% โดยข้อมูลส่วนนี้เป็นข้อมูลหลายยีนส์จะเห็นได้ชัดว่ามีความสามารถในการ Predict ข้อมูลความแม่นยำได้ต่ำ
ในขณะที่ข้อมูล Germline Mutation หรือที่เป็นส่วนข้อมูลยีนส์เดียว จะสามารถดูความเป็นโรคอย่างมะเร็งได้เพิ่มขึ้นถึง 50–100 เท่าเลย หรืออาจจะเพิ่มโอกาสไปถึง 20–30% แต่ใน Report Geneus ยังไม่มีนะครับตามที่เห็นในภาพ แต่อันนี้ถามหมอเบื้องต้นได้ ซึ่งเคสของผมคือไม่มีเจอความผิดปกติของมะเร็งปอดในยีนส์เดี่ยวก็คือโชคดีไป
นอกจากข้อมูลใน Report ที่เราเห็น หมอเขาก็จะมีเก็บข้อมูลเกี่ยวกับยีนส์ลึกๆของเราอื่นๆอีกนะ ซึ่งถ้าหมอเห็นความผิดปกติของยีนส์ ใน Line Call ก็จะเล่าให้เราฟังเลยครับ เลยแนะนำว่ามาคุยกับหมอด้วยดีกว่า มีประโยชน์จริง
ส่วนเรื่องการตรวจ DNA หมอบอกว่าตรวจแค่ครั้งเดียวในชีวิตพอ เพราะ DNA มันไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาตรวจกับ Geneus อีก 50 ปี ผลก็ได้เหมือนเดิม แต่พวกผลตรวจอันที่ยังไม่เห็นผล หรือคิดว่าไม่ตรง ก็อาจให้เฝ้าระวังหน่อย เช่น กลูเตนที่ตั้งแต่อดีตที่เรากินแล้วไม่เคยแพ้ แต่ผลตรวจบอกว่าแพ้ ในอนาคตก็อาจแพ้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับร่างกาย เหมือนหลอดไฟต่อมความแพ้ที่เปิดปิดสวิตส์ได้
ส่วนข้อมูล Sample ที่ถามหมอมาก็คือมีใช้ข้อมูลและงานวิจัยทั้งฝั่งเอเชียและฝั่งตะวันตกผสมกัน ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะพยายามใช้ข้อมูลฝั่งเอเชียให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หรือเป็นของไทยแบบเพียวๆเลยก็มี เช่น เรื่องยีนส์คู่รัก อันนี้ก็ Sample มาจากคนไทย เป็นงานวิจัยของหมอเขตเองโดยเอา Concept มาจากงานวิจัยจีน ส่วนความน่าเชื่อถือก็ลองถาม Methodology กับ Sample Size ลึกๆอีกทีกับหมอก็ได้นะครับ 55 เสียดาย ผมมีเวลาคุยไม่มากพอ แต่เห็นคำถามที่ใช้ถาม Sample ดูน่าสนใจดีฮะ
🧬ความรู้สึกภาพรวม
ส่วนตัวคิดว่าแพง แล้วผลที่ได้ออกมาก็ไม่รู้เชื่อได้หรือไม่ได้ แถมกว่าจะรู้ผลก็แอบนาน ลุ้นมากตอนตรวจ กว่าจะรู้ผลหมดฟิลลิ่งล่ะ 555 อันนี้เป็นความคิดก่อนได้คุยกับหมอนะครับ
แต่หลังจากที่ได้คุยกับหมอ ก็รู้สึกคุ้มขึ้นแฮะกับเงินที่จ่ายไป เหมือนได้อัปเกรดความรู้ และรู้จักตัวเองเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่ซื้ออะไรมาวัดขำๆแล้วจบไป แต่ก็คืออย่างที่บอกว่ากว่าจะได้คิวหมอนี่คือนานมาก คือ กว่าจะได้คุยกับหมอ ก็คือลืมแล้วผลที่เคยตรวจเป็นยังไง
ก็เอาเป็นว่าถ้ามีเงินเหลือ ตรวจก็คงดีกว่าไม่ตรวจครับ ยิ่งเป็นเรื่องโรคสำหรับผู้ใหญ่ ถ้าในผลจากแอปมันจริง แล้วเราป้องกันไว้ก่อนที่มันจะเกิด ยังไงก็คุ้มกว่าไปหาหมอรักษาครับ และก็เรื่องแพ้ยาอีกเรื่อง ซึ่งทั้งหมดมันอยู่ใน Premium ส่วนข้อมูลอันอื่นๆ ส่วนตัวคิดว่าก็เป็นข้อมูลตัวเองที่น่ารู้ดี รู้ก็ดีกว่าไม่รู้ ถึงมันจะเอาไปใช้ประโยชน์ต่ออะไรไม่ค่อยได้ก็ตาม ซึ่งให้ระลึกเสมอว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลจาก Stat ก็อย่าไปเชื่อ 100% ใช้เป็นเข็มทิศพอ แล้วลองไป Prove อีกทีในสถานการณ์จริง
ก่อนหน้านี้แนะนำว่าถ้าเป็นของเด็ก ให้ซื้อเป็น Standard พอ อันนี้เปลี่ยนใจเพิ่มเงินอีกหน่อยเป็นแบบ Premium แล้วได้ไปคุยปรึกษากับหมอให้แปลผมเพิ่มด้วยดีกว่า เพราะ การคุยกับหมอ ทำให้เราเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง และรู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ดีกว่าเห็นข้อมูลอย่างเดียว แล้วก็ไม่รู้ Next Action ทำอะไร หรือเข้าใจผิดอะไรไปใหญ่โต ก็เอาเป็นว่าถ้าผมมีลูก ก็คงจะลงทุนพาลูกไปตรวจ แล้วก็คุยปรึกษาหมอ แต่สำหรับผู้ใหญ่ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์เลยครับ
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไรบ้างกับการรีวิวตรวจ DNA ของ Geneus ก็หวังว่าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของเพื่อนๆไม่มาก็น้อยครับ ก็อย่างที่สรุปไปว่าตรวจดีกว่า ไม่ตรวจ ถ้ามีเงินผมว่าก็ลองตรวจสักครั้งในชีวิตไปก็ดี ไม่เสียหาย แต่ก็อยากขอเน้นย้ำว่าข้อมูลที่เขาวิเคราะห์เป็นเพียงแค่ Stat จากคนส่วนมาก มันไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินชีวิตเรา มันยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมาก มากกว่าเรื่องของ DNA ทั้งเรื่องพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ทั้งเรื่องพรแสวง และอื่นๆ แต่สิ่งที่เราได้มามันจะช่วยเป็นเข็มทิศ Guide นำทาง แล้วก็จะเป็นตัวเราอีกทีว่าจะเลือกทางไปยังไง ซึ่งไม่มีผิด ไม่มีถูก ก็เหมือนคนเดินป่า ต่อให้เราเชี่ยวชาญเส้นทางเดินป่ายังไง แต่ถ้าเรามีเข็มทิศ หรือมีสิ่งช่วยนำทาง มันคงช่วยให้ชีวิตเราง่ายกว่าที่ไม่มีอะไรเลยแน่นอน
P.S. สำหรับใครที่อยากติดตามบทความผมแบบนี้อีก สามารถกด Follow เพื่อรับบทความเรื่องหน้าไปอ่านก่อนใครได้เลยครับ👉👉