สรุป หนังสือ How to Win Friends and Influence People - หนังสือ How to ในตำนาน

Nut P
5 min readJul 8, 2020

ที่มาของการเขียนสรุปหนังสือครั้งนี้ของผมเกิดจากที่หนังสือจากหนังสือ วิธีชนะมิตรและจูงใจคน (How to Win Friends and Influence People) ของ เดล คาร์เนกี เป็นหนังสือ How to เล่มแรกๆที่ผมได้อ่าน และเป็นเล่มที่ผมประทับใจและเรียกได้ว่าเป็นหนังสือ How to ตั้งแต่อ่านมาที่ผมคิดว่าดีที่สุด เลยลองมาปัดฝุ่นอ่านอีกที แล้วมาดูซิว่าความคิดในปัจจุบันของเรายังเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า อันนี้บางคนก็อาจจะแย้งว่าผมชอบคนเดียวหรือเปล่า ไม่ครับ เล่มนี้ตำนานเลย ลองไปเสริชดูหาหนังสือแนะนำให้อ่านจากสถาบันอบรมหรือนักธุรกิจดังๆ เพื่อนๆจะเห็นหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในลิสต์แน่นอน ซึ่งถ้าใครสนใจตัวหนังสือก็สามารถหาได้ตามร้านหนังสือทั่วไปเลย ซึ่งตัวปกอาจแตกต่างกันหน่อย เพราะ รูปหนังสือในบทความเป็นฉบับตีพิมพ์ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

เนื้อหาการเขียนสรุปนี้ก็จะไล่ไปจากกว้างลงลึกนะครับ เริ่มตั้งแต่เหมาะกับใคร >> สรุปวิธีการนำไปใช้แบบข้อๆเป็นแบบ Bullet Point >> ข้อความโดนใจที่คัดมาจากหนังสือในแต่ละบทแบบเน้นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็สามารถเอาไปใช้ประกอบการตัดสินใจอ่านเล่มเต็มได้ครับ รวมถึงเอาไว้ใช้ทบทวนกับสิ่งที่เคยอ่านไปแล้วก็ได้เช่นกันครับ ใครสนใจลองติดตามดูครับผม

“หนังสือในตำนาน หนึ่งในหนังสือ How to ที่ดีที่สุด”

เนื้อหาประมาณไหน

ตามชื่อเลยครับ เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาในการสร้างสายสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเป็นคนใจเย็น และเข้าใจความคิดของคนอื่นมากยิ่งขึ้น เนื้อหาด้านในจะเหมือนเป็นสิ่งเบสิคๆที่คนน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่เอาจริงสิ่งเหล่านี้มักจะเป็นสิ่งที่คนละเลย และหนังสือเล่มนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนคุณ เวลาพออ่านก็จะรู้สึก อ้อ..! เออจริงเนอะ โดยจะมีทั้งเคสการสร้างความสัมพันธ์ในชีวิตทั่วไป, ชีวิตการทำงาน และในชีวิตคู่ ซึ่งเนื้อหาหนังสือในเล่มอาจจะไม่สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ตรงๆ เนื่องจากวัฒนธรรมในปัจจุบันค่อนข้างมีเรื่องโซเชียลมีเดียเข้ามาเยอะ ในขณะที่หนังสือเล่มนี้เขียนมาในช่วงยุคที่มีแต่การสนทนาแบบใช้ Face to Face จึงอาจต้องมีการปรับและประยุกต์ให้เข้ากับบริบทเล็กน้อย

เหมาะกับใคร

ถ้าคุณกำลังติดขัดกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือรู้สึกว่าการทำให้ใครชอบนั้นเป็นเรื่องยาก หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคุณ โดยถ้าถามว่าเหมาะกับวัยไหน เอาจริงนะครับได้หมดทุกวัย แต่ถ้าให้เลือกวัยที่เหมาะสมที่สุด ผมว่าน่าจะเป็นวัยที่โชกโชนกับประสบการณ์ในการทำงานมาระยะหนึ่ง เป็นหนังสือ How to ที่ไม่ควรพลาด ซึ่งสิ่งที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้จะแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่สัมผัสมาในชีวิต ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบครัั้งแรกตอนอยู่มัธยม4 และอ่านจบอีกครั้งช่วงทำงาน ซึ่งสิ่งที่ได้รับจากการอ่านสองครั้งนี้ค่อนข้างแตกต่างกัน เพราะ พอเวลาผ่านไปเราก็จะมีมุมมองชีวิตที่แตกต่างจากเดิม โดยเขาว่ากันว่าหนังสือที่อ่านกับสังคมที่อยู่ จะบ่งบอกตัวตนเราในอีก 10 ปีข้างหน้า อันนี้ผมคอนเฟิร์มได้เลยครับว่าจริง เพราะ ผมรู้สึกได้เลยจากการอ่านรอบ 2 ว่ามันมีเนื้อหาในหนังสือจากการอ่านรอบแรกบางส่วนถ่ายทอดมาที่ผม ดังนั้นถ้าคุณอยากเป็นคนใจเย็นและเข้าใจคนอื่นมากขึ้นก็ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าคุณไม่อยากเป็นคนอย่างนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงครับ (หนังสือมันมี Impact จริงๆครับ เอาจริงถ้าคุณรู้สึกว่าคุณเป็นคนใจเย็น ใจกว้างอยู่แล้ว อ่านหนังสือเล่มนี้ไปอาจจะไม่ช่วยอะไรมากและอาจทำให้คุณกลายเป็นคนคิดมากเกินไปก็ได้ หรือถ้างานคุณต้องใช้ความ Aggressive มากๆ อันนี้ก็ไม่ควรอ่าน)

สไตล์การเขียน

เนื่องจากเป็นหนังสือที่ คุณเดล คาร์นีกี เขียนตั้งแต่ต้นปี 19 นะครับ ดังนั้นสไตล์การเขียนส่วนใหญ่จะใช้ตัวอย่างเคสชาวอเมริกัน และใช้ตัวอย่างที่อยู่ในยุคที่ค่อนข้างเก่ามาก ถ้าจะให้เห็นภาพก็สมัย ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ถึงจะยุคเก่า แต่มันก็คลาสสิค พวกคำสอนและข้อคิดต่างๆรับรองว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตและการทำงานของคนไทยในปัจจุบันได้ครับ เป็นหนังสือของทุกพ่อสถาบันผมรับรองได้ มีสถาบันการอบรมมากมายที่ใช้แนวคิดของเดล คาร์นีกี มาประยุกต์ใช้ ฮิตมาตั้งแต่ต้นปี 19 จนปัจจุบันก็ยังฮิตอยู่

***ในส่วนเนื้อหาสรุปถัดไป ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรอ่านเล่มเต็มมาแล้ว แล้วใช้ตัวนี้เป็นตัวอ่านเวลาลืมเนื้อหา ซึ่งถ้าคนยังไม่อ่านตัวเล่มเต็มก็แนะนำให้ใช้เป็นตัวดูเนื้อหาคร่าวๆเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจอ่านเล่มเต็มครับ

สรุปเนื้อหา

(มีขยายแต่ละข้อในพาร์ทหน้านะครับ)

สรุปเทคนิคสำคัญในการปฎิบัติต่อผู้อื่น

  1. อย่าแก้ปัญหาโดยการตำหนิ
  2. ทำให้เขารู้สึกเป็นคนสำคัญ
  3. อย่ามองสิ่งที่เราได้ มองสิ่งที่เขาควรได้ และพูดออกไป

สรุป 6 กฏ ทำให้ผู้อื่นชอบท่าน

  1. จงเอาใจใส่อย่างแท้จริงแก่ผู้อื่น
  2. ยิ้ม
  3. จงจำชื่อคน และเรียกชื่อเขา
  4. จงเป็นนักฟังที่ดี จงสนับสนุนให้อีกฝ่ายหนึ่งคุยถึงเรื่องของเขา
  5. สนทนาในเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งสนใจ
  6. จงชมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ

สรุปวิธี 12 ประการ เพื่อชักจูงผู้อื่น

  1. วิธีการระงับโต้แย้งดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงมันเสีย
  2. จงเคารพความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่าบอกผู้ใดว่าเขาผิดเป็นอันขาด
  3. ถ้าท่านผิด จงรับผิดโดยอย่าได้รอช้า
  4. เริ่มด้วยการชมเขาเสียก่อน
  5. จงทำให้อีกฝ่ายตอบรับคำว่า ครับ ใช่ ถูก ในทันที่เมื่อเริ่มสนทนา
  6. จงปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นผู้พูดส่วนมาก
  7. จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกว่าความคิดเป็นของเขา
  8. จงพยายามมองสิ่งต่างๆในแง่คิดเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง
  9. จงเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกนึกคิดและความปรารถนาของอีกฝ่ายหนึ่ง
  10. จงขอร้องด้วยการพูดให้รู้สึกว่าเป็นเจตนาอันดีงามกว่าเดิม
  11. จงแสดงความคิดของท่านให้เป็นที่เร้าใจ
  12. จงพูดท้าทาย

สรุปวิธีปฏิบัติ 9 ประการ เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้อื่นโดยไม่ให้รู้สึกบาดหมาง

  1. จงเริ่มสนทนาด้วยคำพูดยกย่องสรรเสริญจากความสุจริตใจจริง
  2. จงอย่าเตือนผู้อื่นตรงไปตรงมาว่าเขาผิด
  3. จงพูดความผิดของท่านก่อน แล้วจึงค่อยตำหนิติเตือนผู้อื่น
  4. จงออกความเห็น แทนออกคำสั่งตรงๆ
  5. จงกู้หน้าอีกฝ่ายหนึ่ง
  6. จงชมผู้อื่นแม้เขาทำสิ่งใดๆดีขึ้นเล็กน้อย และยกย่องทุกครั้งที่เขาทำสิ่งใดๆได้ดียิ่งขึ้น จงเห็นพ้องด้วยน้ำใสใจจริงและยกย่องชมเชยอย่างเต็มที่
  7. ถ้าท่านต้องการให้บุคคลใดกระทำบางอย่างดีขึ้นกว่าเก่า จงแสร้งว่าเขามีคุณสมบัติพิเศษนั้นอยู่แล้ว
  8. จงใช้การสนับสนุนกำลังใจ จงทำให้ความผิดดูเป็นของง่ายที่จะแก้ไข จงทำให้สิ่งที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติเป็นของง่ายที่จะปฏิบัติ
  9. จงทำให้ผู้อื่นมีความสุขที่จะกระทำในสิ่งที่เราเสนอแนะแก่เขา

สรุปวิธีปฏิบัติ 7 ประการเพื่อทำให้ชีวิตในครอบครัวของท่านมีความสุขยิ่งขึ้น

  1. อย่าเป็นคนขี้จุกจิกเอาเรื่อง
  2. อย่าพยายามเป็นเจ้าหัวใจของคู่แต่งงานของท่าน
  3. อย่าตำหนิติเตียน
  4. จงยกย่องสรรญเสริญด้วยความสุจริตใจจริง
  5. จงเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ
  6. จงมีกริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน
  7. จงอ่านหนังสือดีๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตแต่งงาน

ข้อความโดนใจที่คัดมาในเล่ม

ส่วนนี้จะเป็นข้อความและตัวอย่างที่ผมชอบจากการอ่านในเล่มและโน้ตไว้ครับ สำหรับคนที่ต้องการเข้าใจลึกซึ้งของแต่ละประโยคต้องอ่านเล่มเต็มนะครับ มันจะมีอรรถรสและตัวอย่างประกอบทำให้เห็นภาพมากกว่า (การเขียนอาจมีตกหล่นบ้างนะครับ เพราะ อันนี้ผมมาแยกจดในโทรศัพท์เรื่อยๆเวลาที่ผมอ่านครับ)

EPISODE 1 : การปฏิบัติต่อผู้อื่น

Ch 1.1 อย่าแก้ปัญหาโดยการตำหนิ

ประธานาธิปดีลิงคอน กับนายพลมี้ด
ให้ตีข้าศึก โดยไม่ต้องประชุม แต่ไม่ยอมทำตาม
เลยจะส่งจดหมายไปต่อว่า แต่สุดท้ายไม่ได้ส่ง

การติเตียนผู้อื่นโดยไม่ไว้หน้ามักจะปรากฎผลร้ายเสมอ

“อย่าบ่นในเรื่องหิมะรกรุงรังตามหลังคาเพื่อนบ้านท่าน ในเมื่อบันไดหน้าบ้านของท่านก็ยังสกปรกอยู่”

ถ้าท่านต้องการน้ำผึ้ง ก็อย่าไปแตะรังผึ้ง

Ch 1.2 ทำให้เขารู้สึกเป็นคนสำคัญ

สิ่งกระตุ้นเตือนอย่างรุนแรงที่สุดแห่งธรรมชาติ
“ความปรารถนาที่จะเป็นคนสำคัญ”

สาเหตุของคนบ้า
“นานแพทย์บอกข้าพเจ้าว่ามีคนบ้าอยู่ไม่น้อยได้พบความรู้สึกสำคัญจากการวิกลจริตของเขา
ความรู้สึกซึ่งเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตปกติธรรมดา”

การยกย่อง คือ การที่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ในขณะที่ การเยินยอ คือ การไม่บริสุทธิ์ใจ
นายพล กรุงเมกซิโก กล่าวว่า
“อย่ากลัวศัตรูผู้โจมตีท่าน แต่จงกลัวสหายที่เยินยอท่าน”

Ch 1.3 อย่ามองสิ่งที่เราได้ มองสิ่งที่เขาควรได้ และพูดออกไป

“ วิธีเดียวในโลกที่เราจะจูงใจผู้อื่น ก็คือ จงพูดถึงเรื่องสิ่งที่เขาต้องการและบอกเขาว่าทำอย่างไรเขาจึงจะได้สิ่งที่เขาต้องการนั้นๆ”
เหมือนกับตอนตกปลาก็คงไม่ได้ใช้สตอเบอรี่

“จงปลุกความรู้สึกอีกฝ่ายหนึ่งให้เกิดความต้องการอย่างแรงกล้า ผู้ที่สามารถทำได่เช่นนี้โลกทั้งโลกจะอยู่ข้างเขา ผู้ที่ทำไม่ได้จะเดินไปตามหนทางอันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว”

ถ้าพรุ่งนี้ท่านต้องการจูงใจใครสักคน ก่อนท่านจะกล่าวคำพูดออกมา ท่านจวหยุดถามตนเอง
“ฉันจะปฏิบัติอย่างไร จึงจะทำให้เขาต้องการทำตามที่ฉันชักจูง “

ึคนอื่นไม่ได้อยากรู้ปัญหาของเรา
เราควรเปิดด้วยประโยคสิ่งที่เขาต้องการ

“ ธรรมดาลูกค้าทุกคนมักจะรู้สึกในการซื้อสิ่งของต่างๆ ว่าเขาซื้อด้วยความอยากได้ แต่ไม่ได้ซื้อเพราะความจำใจที่ผู้ขายมาเสนอให้”
มองในมุมมองลูกค้า อย่ามองในมุมมองผู้ขาย*

“บุคคลที่สามารถจะเปลี่ยนตัวของเขาให้เป็นตัวของผู้อื่น และสามารถเข้าจิตใจของผู้อื่น อย่าได้เป็นห่วงว่าอนาคตของเขาจะไม่ก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง”

“ การแสดงความใหญ่โตเป็นลักษณะเด่นซึ่งจำเป็นสำหรับวิสัยมนุษย์”
“ เมื่อเรามีความคิดที่ดีบางอย่าง แทนที่เราจะให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจว่าเป็นความคิดของเรา ทำไมเราจึงไม่ปล่อยให้เขาคิดว่าเป็นความคิดซึ่งเขาได้ปรุงมาจากสมองของเขาเอง?”

EPISODE 2 : 6 วิธีทำให้ผู้อื่นชอบท่าน

Ch 2.1 จงเอาใจใส่อย่างแท้จริงแก่ผู้อื่น

จงปฏิบัติตามนี้ แล้วจะมีผู้ต้อนรับทุกหนทุกแห่ง

การผูกมิตรกับผู้อื่นจะสำเร็จเรียบร้อยภายในเวลาสองเดือนด่วยการเอาใจใส่อย่างแท้จริงต่อเขาผู้นั้น ซึ่งจะได้ผลยิ่งกว่าการผูกมิตรสองปี แต่ด้วนความพยายามให้เขาผู้นั้นเอาใจใส่ต่อเรา

ถ้าเราเพียงแต่พยายามจะให้ตัวเราเป็นที่น่าทึ่งแก่ผู้อื่นและพยายามให้ผู้อื่นเอาใจใส่ต่อเรา เราตะไม่พบเพื่อนดีที่มีความซื้อสัตย์ต่อเรานัก

เรียกชื่อ จดจำวันเกิด

ถ้าเราต้องการผูกมิตร เราต้องแสดงความคารวะต่อผู้อื่นด้วยอาการละมุนละไมและมีศรัทธาอย่างแรงกล้า เมื่อมีใครพูดโทรศัพท์กับท่านว่า ฮัลโหล ท่านจงใช้จิตวิทยาแบบเดียวกันนี้ ท่านจงกล่าวคำ ฮัลโหล ด้วยเสียงนุ่มนวมอันแสดงถึงว่าท่านความชืานชมยินดีกับผู้พผุดของท่าน

Ch 2.2 ยิ้ม

วิธีง่ายๆที่จะทำให้ผู้อื่นติดใจเมื่อแรกพบ

“ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินในการพบปะผู้อื่นถ้าหากท่านจะทำให้เขาเพลิดพลานจากการพบปะท่าน”

ลองยิ้มดู ทุกครั้งที่เจอหน้าคนอื่น

Ch 2.3 จงจำชื่อคน และเรียกชื่อเขา

ถ้าท่านไม่ทำตามนี้ ท่านจะเจอความยุ่งยาก

ท่านจงจำชื่อผู้อื่นไว้และจงเรียกเขาเหมือนหนึ่งชื่อนั้นติดอยู่ที่ปากของท่าน
แต่อย่าสะกดชื่อผิด

จำชื่อมิตรสหายและผู้ร่วมงานได้อย่างแม่นยำ และให้เกียรติเขาบางคนด้วยการเอาชื่อมาตั้งเป็นชื่อสิ่งอื่นๆ

วิธีง่ายที่สุด เร็วที่สุด และสำคัญการผูกไมตรี คือ การจำชื่อผู้อื่น และทำให้เขาผู้นั้นรู้สึกว่าตนเป็นคนสำคัญ

บทเรียนแรกที่นักการเมืองจะต้องศึกษาคือ
“ผู้จำชื่อของคนลงคะแนนเลือกตี้งได้คือผู้ที่จะได้เป็นนักการเมือง ผู้จำไม่ได้คือผู้ที่ถูกลืม”

นโปเลียนที่ 3 ฝรั่งเศส กับวิธีจำชื่อ
เมื่อพระองค์ได้ยินชื่อผู้ถูกแนะนำไม่ถนัด พระองค์จะพูด เสียใจมาก ฉันได้ยินชื่อคุณไม่ชัดเจน หากชื่อจำยาก จะถามว่า สะกดอย่างไรนะ
พระองค์จะพยายามจำ กริยา ท่าทาง หน้าตาของคนนั้น
เมื่อพระองค์อยู่ลำพัง พระองค์เขียนชื่อผู้นั้นลงกระดาษแผ่นหนึ่ง มองดู ตั้งสมาธิจำให้ขึ้นใจ

เจอคนรู้จักใหม่ จดชื่อทุกทุกครั้ง พร้อมเขียนบรรยายลักษณะ***

Ch 2.4 จงเป็นนักฟังที่ดี จงสนับสนุนให้อีกฝ่ายหนึ่งคุยถึงเรื่องของเขา

หนทางง่ายๆที่จะเป็นนักสนทนาที่ดี

ด้วยเหตุดังกล่าวข้าพเจ้าทำให้เขาคิดว่าเป็นนักสนทนาที่ดี ในเมื่อ ตามความจริง ข้าพเจ้าเพียงแต่เป็นนักฟังที่ดีและรู้จักกระตุ้นให้เขาคุยเท่านั้นเอง

เราทุกคนเมื่อประสบความเดือดร้อนยุ่งยาก ต่างต้องการผู้ฟังชนิดนี้ด้วยกันทั้งนั้น

ถ้าท่านอยากรู้วิธีสำหรับทำให้ผู้อื่นรังเกียจ หังเราะเยาะเย้ยท่านอยู่ด้านหลัง จงปฏิบัติฟังคำแนะนำต่อไปนี้ อย่าฟังผู้อื่นให้มากนัก จงพูดถึงตัวของท่านเองตลอดเวลา ถ้าท่านมีความคิดอะไรระหว่างอีกฝ่ายหนึ่งกำลังพูด อย่าคอยให้เขาพูดจบ เขาเก่งไม่เหมือท่านนี่น่า

รอให้คนคุยด้วนพูดจนจบ อย่าแทรก

“โปรดจำไว้เสมอว่าบุคคลที่ท่านสนทนาด้วยเป็นผู้สนใจในตัวของเขาเอง, ความต้องการของเขา และปัญหาของเขา ยิ่งกว่าสนใจในตัวท่าน และปัญหาของท่านมากกว่า 100 เท่า”

Ch 2.5 สนทนาในเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งสนใจ

วิธีที่ทำให้ผู้อื่นสนใจ

เมื่อโรสเวลนัดหมายที่จะพบแขก ในตอนกลางคืนเขาจะนั่งศึกษาอยู่จนดึกถึงเรื่องแจกที่เขาสนใจเป็นพิเศษ

“หนทางอันกว้างขวางที่ตะไปสู่ความพอใจของผู้อื่น ก็คือการสนทนากับเขาถึงสิ่งที่เขาถือว่ามีค่าสูงสุดสำหรับเขา “

Ch 2.6 จงชมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ

วิธีที่ทำให้ผู้อื่นชอบท่านในทันที

สังเกตุและหาจุดชมผู้อื่นให้มีความรู้สึกเล็กๆน้อยๆ

ข้าพเจ้าต้องการสิ่งอันหาราคามิได้ และข้าพเจ้าได้มันมาแล้ว มันคือความรู้สึกโชติช่วงและหวานซึ้งอยู่ในความทรงจำของท่านเป็นเวลานาน

“ จงทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเป็นสำคัญ”

“หลักสำคัญที่สุดแห่งธรรมชาติมนุษย์นั้นคือ ความกระหายที่จะได้รับการยกย่อง “

“จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ท่านต้องการจะให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน”
จงทำเช่นนี้ตลอดเวลาและทำ ณ ทุกหนทุกแห่ง

พลังมหาศาล บันดาลมาจากการยกย่องสรรเสริญด้วยความสุจริตและจริงใจ

“ คนที่ท่านสนทนาด้วยเกือบทุกคนจะรู้สึกเหนือกว่าท่านทางใดทางหนึ่ง
ท่านจงยกย่องความสำคัญในทางนั้นๆด้วยความสุจริตจริง”
ข้าพเจ้าศึกษาสิ่งที่อยู่เหนือนั้นจากเขา

ถ้าท่านปรารถนาจะกินอาหารอร่อยทุกๆวัน อย่าไปค่อนแคะการเป็นแม่บ้านของเมียหรือเปรียบเทียบกับแม่เป็นอันขาด
แต่ทำตรงกันข้าม จงยกย่องชมเชยกิจการบ้านเรือนของหล่อนเป็นประจำ และแสดงความชื่นชมยินดีอย่างเปิดเผยเหมือนท่านได้สมรสกับหญิงคนเดียวเท่านั้นประดุจเทพธิดา
แม้สเต็กจะเหนียว ขนมปังจะไหม้ อย่าบ่น
ท่านเพียงแต่บอกว่าอาหารยังไม่ดีบริบูรณ์เหมือนปกติ ซึ่งหล่อนจะยอมทนร้อนอยู่ในครัวเพื่อเป็นหญิงอุดมคติของท่าน

อาชญการผู้แต่งกับหญิง 23 คน สิ่งที่เขาทำกับหญิงเหล่านั้นเพียงแค่การสนทนาถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวหล่อนเท่านั้นเอง

EPISODE 3 : วิธี 12 ประการ เพื่อชักจูงผู้อื่น

Ch 3.1 วิธีการระงับโต้แย้งดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงมันเสีย

ท่านไม่สามารถชนะการโต้แย้งได้

“จงหลีกเลี่ยงมุมแคบไว้เสมอ”

การโต้แย้งที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงมันเสีย เหมือนกับท่านหลีกเลี่ยงงูพิษและแผ่นดินไหว

ท่านไม่สามารถชนะการโต้แย้งได้เป็นอันขาด เพราะถ้าท่านเป็นฝ่ายแพ้ ท่านก็จะแพ้ และถ้าหากท่านเป็นฝ่ายชนะ ท่านก็แพ้

ถ้าท่านโต้แย้ง พูดให้เจ็บใจ และเถียง ท่านอาจจะประสบชัยชนะ แต่เป็นชัยชนะที่ว่างเปล่า ทั้งนี้ก็เพราะท่านไม่ได้รับไมตรีจิตอีกฝ่ายหนึ่ง

“คนจำใจต้องเชื่อในสิ่งที่เขาไม่เชื่อ ความคิดเห็นของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง”

กองสตัน หัวหน้ามหาดเล็กของนโปเลียน มักเล่นบืลเลียดกับพระนางโยเซฟฟินเสมอ
“แม้ข้าพเจ้าจะมีฝีมือดี ข้าพเจ้าไม่วายที่จะให้พระนางเป็นฝ่ายชนะข้าพเจ้าบ่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สบใจพระนางเป็นอย่างยิ่ง”
“ เราจงยอมให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายชนะเราในการโต้แย้งกรณีเล็กๆน้อยๆ”

Ch 3.2 จงเคารพความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่าบอกผู้ใดว่าเขาผิดเป็นอันขาด

การบอกว่าเขาผิด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ท่านจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้เลย ทั้งนี้เพราะท่านทำให้เขาเจ็บใจนั่นเอง

อย่าเริ่มคำพูดด้วยประโยค” ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้” เป็นวาจาไม่สมควรเลย เพราะมันความเช่นเดียวกับ ผมวิเศษกว่าคุณ

“ถ้าท่านต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม จงอย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัวเด็ดขาด” จงกระทำอย่างมีชั้นเชิง โดยไม่มีใครรู้สึกว่าท่านทำลงไป

“ มนุษย์ต้องสอนเหมือนกับท่านมิได้สอน”

“เจ้าจงเป็นผู้ฉลาดกว่าผู้อื่น แต่อย่าได้บอกให้เขารู้ว่าเจ้าฉลาดกว่าเขา “

คำพูดเช่น” ผมอาจผิดไปก็ได้ ผมมักจะผิดเสมอๆ เรามาพิจารณาข้อเท็จจริงกันดีกว่า” เป็นคำพูดที่มีอำนาจวิเศษที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งพอใจ

ด้วยการยอมรับว่าท่านอาจเป็นผู้ผิด ท่านจะไม่มีเรื่องกับใครเป็นอันขาด เพราะการพูดเช่นนี้จะยุติการถกเถียงลงอย่างสิ้นเชิง และจะจูงใจให้อีกฝ่ายให้กลายเป็นคนยุติธรรมและมีความใจกว้างแบบท่าน

“มีมนุษย์ไม่กี่คนที่เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยเหตุผล เราส่วนต่างเป็นสัตว์โลกที่มีความอคติและความลำเอียง “

“เมื่อเราทำผิด เราอาจจะยอมรับผิดกับตัวของเราเอง ถ้าผู้อื่นปฏิบัติต่อเราด้วยความละมุนละไม แต่เราจะไม่ยอมรับผิดเป็นอันขาดถ้ามีใครบังคับขู่เข็ญให้เราพูดความจริง”

อย่าโต้แย้งลูกค้าของท่าน ผัวของท่าน หรือปรปักษ์ของท่าน อย่าบอกว่าเขาผิด อย่ายั่วให้เขาเกิดโทสะ แต่จงใช้ชั้นเชิงเล็กน้อย

Ch 3.3 ถ้าท่านผิด จงรับผิดโดยอย่าได้รอช้า

ถ้าท่านผิดจงสารภาพ

ถ้ารู้ตัวว่าเราได้ทำผิด จะไม่ดีกว่าหรือที่เราจะกล่าวถึงความผิดของเราก่อนอีกฝ่ายหนึ่งจะแย้มปาก การตำหนิติเตียนตนเองย่อมน่าฟังกว่าคนแปลกหน้ามาตำหนิเราใช่ไหม

ท่านจงพูดขอโทษ ถ้าหากท่านรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งคิด หรือต้องการพูด (ถ้าเขาไม่คิดก็ไม่ต้องพูด)
จงพูดก่อนอีกฝ่ายหนึ่งจะแย้มปาก ซึ่งเป็นการลดความโมโหโทโสของเขา

Ch 3.4 เริ่มด้วยการชมเขาเสียก่อน

หนทางเป็นเลิศที่จะเข้าถึงเหตุผลของผู้อื่น

ถ้าท่านถูกยั่วให้เกิดโทสะ และท่านพูดใส่หน้าอย่างไม่ยั้ง ท่านจะสบายใจที่ได้ระบายความเดือดดาล แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเล่า? เขามีส่วนสบายใจร่วมกับท่านหรือเปล่า?

ลิงคอนกล่าวว่า
“น้ำผึ้งหยดเดียว จับแมลงวันได้มากกว่าน้ำบอระเพตหนึ่งแสนแกลลอน”

ถ้าท่านต้องการจูงใจให้ผู้อื่นเห็นดีเห็นชอบ สิ่งแรกที่ท่านจะต้องปฏิบัติคือทำให้เขาเชื่อถือว่าท่านเป็นมิตรสุจริตต่อเขา

อย่าตำหนิเขาโดยตรง ตำหนิแบบอย่าให้เขารู้ว่าตำหนิ
1. โบ้ยความผิดไปที่คนอื่น แล้วบอกไม่ใช่ความผิดเขา (เคสอาหารไม่อร่อย)​
2. พูดชมยกย่องเยอะอีกเรื่องหนึ่งเยอะๆ แต่เรื่องนั้นได้ผลกระทบจากเรื่องที่จะตำหนิเขา (เคสโฆษณาเกินจริง บอกชอบอ่านหนังสือพิมพ์เขามาก แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเจออะไรบางอย่าง)​

Ch 3.5 จงทำให้อีกฝ่ายตอบรับคำว่า ครับ ใช่ ถูก ในทันที่เมื่อเริ่มสนทนา

เคล็ดลับของซอคราคงตีส

ในการสนทนากับผู้อื่น อย่าได้เริ่มต้นในเรื่องที่ท่านไม่เห็นพ้อง แต่จงเริ่มต้นด้วยการเน้นคำพูดให้หนักแน่น และเน้นคำพูดตลอดเวลาในสิ่งที่ท่านเห็นพ้องด้วย
ความขัดแย้งเป็นเพียงข้องปลีกย่อย หลีกได้ควรหลีก

นักพูดที่ทีความเชี่ยวชาญจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งรับคำ ใช้ ถูกแล้ว ครับ จนนับครั้งไม่ถ้วนตอนเริ่มต้นสนทนา

ถ้าในการเริ่มพูดท่านทำให้อีกฝ่ายกล่าวคำปฏิเสธ หมายความว่าท่านต้องใช้สติปัญญาและความเพียรพยายามในการแปรคำปฏิเสธให้กลายเป็นคล้อยตามได้

ให้ตอบ ใช่ๆๆๆ แล้วตบด้วนสิ่งที่
ทำเพื่อประโยชน์ของเขา ไม่ใช่ของเรา
กล่าวแบบอ้อมๆ

ไม่เกิดผลอะไรตากการโต้แย้ง และการมองสิ่งต่างๆในด้านแง่คิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งและพยายามให้อีกฝ่ายตอบรับคำว่า ใช่ เป็นสิ่งที่นำประโยชน์และให้ความสนใจสูงกว่า

Ch 3.6 จงปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นผู้พูดส่วนมาก

วิธีการกำจัดความไม่สมหวัง

ทางที่ดีควรใช้ผู้ที่เราไปติดต่อเป็นผู้พูด ทั้งนี้เพราะเขาย่อมมีความรู้ในกิจการของเขา และปัญหาของเขาดีกว่าท่าน ดังนั้นท่านจงถามบางประโยค เพื่อให้คุยกับท่านบ้างพอสมควร
ถ้าท่านไม่เห็นพ้องกับเขา ท่านคงนึกแย้งเป็นแน่ แต่อย่าทำอย่างนั้น
ท่านพยายามฟังด้วยน้ำใสใจจริง และสนับสนุนเขา

บางครั้งการปล่อยให้ผู้อื่นเป็นฝ่ายพูด จะนำประโยชน์ล้ำค่ามาให้

ถ้าท่านต้องการศัตรู จงเป็นคนเก่งกล้าสามารถเหนือกว่าท่าน
แต่ถ้าท่านต้องการมิตร จงให้เพื่อนของท่านเก่งกล้ากว่าท่าน

ความปิติยินดีอย่างแท้จริงก็คือความปิติยินดีซึ่งเราได้เคราะห์กรรมผู้อื่น

Ch 3.7 จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกว่าความคิดเป็นของเขา

วิธีที่จะได้รับความร่วมมือ

ไม่มีบุคคลใดชอบถ้าเขาต้องจำใจซื้อบางอย่างหรือถูกสั่ง เราจะสบายใจถ้าการซื้อนั้นกระทำโดยอาศัยความสมัครใจของเราหรือทำตามความคิดของตนเอง
เราชอบให้ผู้อื่นมาพูดกับเราเป็นการปรึกษาหรือหารือว่ามีความประสงค์อย่างไร ต้องการอะไร และคิดเช่นใด

ผมเสนอขายให้เขาโดยคิดว่าภาพเหล่านั้นเหมาะสมกับเขา เดี๋ยวนี้ผมทำตรงกันข้าม ผมเสนอให้เขาบอกความคิดของเขาแก่ผม มันทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนออกแบบจริงๆ เวลานี้ผมไม่ต้องเสนอขายให้เขา แต่เขาซื้อเอง

หลังจากผมรู้จักท่านประธานาธิปดี ผมได้เรียนรู้หนทางดีที่สุดที่จะให้เขาเลื่อมใสในความคิดสักอย่างที่เสนอแก่เขา ก็คือ
พูดให้ฝังอยู่ในจิตใจของเขาคล้ายๆกับไม่ตั้งใจ
คืนวันหนึ่งผมแวะมาเยี่ยมเขาที่ไวท์เฮาส์ และรบเร้าให้ใช้นโยบายอย่างหนึ่งที่เขาไม่เห็นด้วนเลย ครั้นต่อมาอีกหลายวัน เขากลับมาอวดผมนโยบายใหม่ ซึ่งแท้จริงคือนโยบายจองผมที่แนะนำแก่เขานั่นเอง

Ch 3.8 จงพยายามมองสิ่งต่างๆในแง่คิดเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง

สูตรบัลดาลผลมหัศจรรย์

อย่าลืมว่าบุคคลก็ตามอาจจะทำความผิดอย่างไม่มีแก้ตัว แต่บุคคลนั้นจะคิดว่าเขาไม่ผิดเลย

จงพยายามอย่างสุจริตใจที่จะสมมติตัวท่านเป็นตัวของเขา
ถ้าท่านทำเช่นนี้ ท่านจะไม่ต้องเสียเวลาไปโมโหกับการสาเหตุต่างๆ และท่านจะเพิ่มมนุษยพันธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

ท่านจงตั้งคำถามแก่ตนเอง ทำไมเขาถึงต้องการทำเช่นนั้น

Ch 3.9 จงเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกนึกคิดและความปรารถนาของอีกฝ่ายหนึ่ง

สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ

ประโยคที่ทำให้ทุกคนสงบ
“ ผมไม่ได้โทษคุณเลยแม้แต่น้อยที่คุณรู้สึกเช่นนี้ ถ้าผมเป็นคุณ แน่นอน ผมจะรู้สึกเหมือนคุณเช่นกัน”

ความเห็นอกเห็นใจเป็นยาวิเศษที่จะบำบัดความเศร้าเสียใจ

การเห็นอกเห็นใจเป็นความหิวกระหายทั่วๆไปในเผ่าพันธ์มนุษย์

Ch 3.10 จงขอร้องด้วยการพูดให้รู้สึกว่าเป็นเจตนาอันดีงามกว่าเดิม

เรามีเหตุผลสองประการที่กระทำอะไรลงไป
ประการที่หนึ่ง คือ สิ่งที่เราเข้าใจดี และสอง คือสิ่งที่เราเชื่อแน่ว่าดีจริงๆ

มนุษย์ย่อมคิดถึงเหตุผลดีงาม ก่อนปฏิบัติอะไรลงไป

เพื่อให้บุคคลใดก็ตามเปลี่ยนใจ จงขอร้องให้เกิดความรู้สึกว่าการปฏิบัตินั้นๆเป็นเจตนางามยิ่งกว่าการปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง
(ขอร้องแบบเปรียบเทียบว่าเขาทำอันนี้แล้วดีกว่า)​

ถ้าเราไม่สามารถความเป็นไปของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร ให้ถือเสียว่าลูกค้าคนนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต และยุติธรรม

ขั้นตอนแก้ปัญหาของลูกค้าของโทมัส
1. ไปเจอลูกคนด้วยตัวเอง
2. ผมไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ทั้งสิ้น จนกว่าจะฟังเสียงจากลูกค้า
3. บอกไปว่าผมสนใจเรื่องการใช้สินค้าของเขามากที่สุด
4. ฟังที่เขาพูด และเห็นอกเห็นใจเขาให้ได้มากที่สุด
5. พูดขอร้องให้เขาคิดว่าเป็นเจตนาอันดีงาม

Ch 3.11 จงแสดงความคิดของท่านให้เป็นที่เร้าใจ

ปัจจุบันนี้เป็นเวลาที่ต้องใช้ศิลปะชั้นเชิงในการเสนอขายสินค้า เพียงแต่การกล่าวจริงอย่างเดียวมันไม่พอ การกล่าวความจริงต้องประกอบไปด้วยความซายซึ้ง เขย่าความสนมจ และเกิดความรู้สึกเร้าใจ
ภาพยนต์ปฏิบัติเช่นนี้ วิทยุปฏิบัติเช่นนี้ และท่านต้องปฏิบัติอย่างเดียวกัน

พูดด้วยความมั่นใจ

Ch 3.12 จงพูดท้าทาย

ถ้าลองใช้วิธีใด และไม่ได้ผลแล้ว

นั่นคือสิ่งที่ผู้ได้รับความสำเร็จชอบ
การแข่งขันเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถของเขา การแข่งขันเปิดโอกาสให้เขาพิสูจน์คุณค่าตัวเอง เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายการเป็นคนเก่งและชัยชนะ

EPISODE 4 : วิธีปฏิบัติ 9 ประการ เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้อื่นโดยไม่ให้รู้สึกบาดหมาง

Ch 4.1 จงเริ่มสนทนาด้วยคำพูดยกย่องสรรเสริญจากความสุจริตใจจริง

ถ้าท่านต้องการจับผิด นี่คือวิธีที่ท่านต้องเปิดฉาก
“ชม”

การที่บุคคลใดก็ตามได้ยินในสิ่งที่ไม่รื่นหู หลังจากได้ฟังคำชมเชยในสิ่งที่ดีก่อน จะช่วยให้บุคคลนั้นสามารถฟังโดยไม่เกิดเหตุความรู้สึกขุ่นเคืองแต่อย่างใด

เช้าวันนี้เธอแต่งตัวเสื้อกระโปรงได้สวยเหลือเกิน เธอมีเสนห์มาก
นี่แนะ เธออย่างงไปเลย ฉันพูดให้เธอดีใจเล่นต่างหาก
จากวันนี้เป็นต้นไป ฉันอยากให้เธอเอาใจใส่แก่การตรงเวลาสักหน่อย

Ch 4.2 จงอย่าเตือนผู้อื่นตรงไปตรงมาว่าเขาผิด

วิธีวิพากษ์วิจารย์โดยไม่ทำให้ผู้ใดเกลียด
“ลองพูดแบบอ้อมๆแทน”

มีโวหารที่ยังเขียนไม่ดี
ลงส่งไปให้ร้านลองรีวิวดูนะ มันจะกลายเป็นโวหารที่เยี่ยมเลย

มีคนสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบบุหรี่
ควักบุหรี่ให้ และบอกจะดีไม่น้อยถ้าไปสูบข้างนอก

Ch 4.3 จงพูดความผิดของท่านก่อน แล้วจึงค่อยตำหนิติเตือนผู้อื่น

ท่านจะไม่รู้สึกขุ่นเคืองอย่างใดเลยในการจะฟังคนอื่นตำหนิติเตียนท่าน ในเมื่อผู้นั้นพูดด้วยการยอมรับอย่างโอนโยนว่าเขา ในทำนองเดียวกัน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปจากการกระทำผิดอย่างไม่มีที่ติเสียได้

เธอได้ทำความผิดอีกแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผิดมากเหมือนที่อาเคยทำมาแล้ว เรื่องพวกนี้มันเกิดจากการทำจนชำนาญ เธอลอง…

Ch 4.4 จงออกความเห็น แทนออกคำสั่งตรงๆ

ไม่มีใครชอบรับคำสั่ง

คุณลองพิจารณาดูสิ
คุณคิดว่าทำอย่างนั้นดีไหม

Ch 4.5 จงกู้หน้าอีกฝ่ายหนึ่ง

จะไล่ออก offer อีกตำแหน่งให้แทน
จะไล่ออก คุณทำงานได้เรียบร้อยมากและบริษัทเชื่อในความสามารถของคุณ

Ch 4.6 จงชมผู้อื่นแม้เขาทำสิ่งใดๆดีขึ้นเล็กน้อย และยกย่องทุกครั้งที่เขาทำสิ่งใดๆได้ดียิ่งขึ้น จงเห็นพ้องด้วยน้ำใสใจจริงและยกย่องชมเชยอย่างเต็มที่

วิธีกระตุ้นมนุษย์ให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ

หมาทำดี คนยังลูบหัว
แล้วทำไมคนดีเราไม่ยกย่องเขาเล่า

ชมตลอดแม้จะเป็นเรื่อวเล็กๆน้อยๆ

Ch 4.7 จงอุปโลกน์ผู้อื่นในสิ่งดีงามเพื่อเขาจะได้เป็นไปตามนั้น

จงตั้งชื่อหมาให้เพราะ

ถ้าท่านต้องการให้บุคคลใดกระทำบางอย่างดีขึ้นกว่าเก่า
จงแสร้งว่าเขามีคุณสมบัติพิเศษนั้นอยู่แล้ว

เชกเสเปียร์กล่าว
“จงสมมุติว่าท่านมีคุณความดีถ้าหากว่าท่านไม่มีมันอยู่เลย และท่านอาจสมมติอีกฝ่ายหนึ่งด้วยการพูดตรงไปตรงมาว่าเขามีคุณความดี”
เขาจะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้เป็นตามคำพูดนั้น

การปฏิบัตติต่อนักโทษ
มีทางเหมาะสมที่จะเปลี่ยนเขาให้เป็นคนดี
คือปฏิบัติต่อเขาประหนึ่งเขาเป็นสุภาพชนคนมีเกียรติ
จงทึกทักไปว่าเขาไปคนอยู่ในระดับปกติธรรรมดาเหมือนมนุษย์อื่นทั้งหลาย

Ch 4.8 จงใช้การสนับสนุนกำลังใจ จงทำให้ความผิดดูเป็นของง่ายที่จะแก้ไข จงทำให้สิ่งที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติเป็นของง่ายที่จะปฏิบัติ

จงทำให้ความผิดเป็นของง่ายที่จะแก้ไข

การบอกใครก็ตามว่าเขาโง่ หรือไม่มีพรสวรรค์ใดในงานนั้นๆ และที่เขาทำไปล้วนแต่ผิด แปลว่าท่านได้ไปทำลายสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เขาเพียรในการทำสิ่งนั้นอย่างสิ้นเชิง
ท่านควรใช้เทคนิคตรงกันข้าม
ท่านจงใจกว้างด้วยการสนับสนุนกพลังใจแก่เขา ท่านจงกระทำในสิ่งที่จะส่งเสริมให้เขาเห็นว่าเป็นของง่ายที่จะปฏิบัตินั้นๆ

เคสครูเต้นรำ
คนแรก : พูดตรงไปตรงมา คุณเต้นผิดหมดเลย เหมือนคุณลืมสิธีเต้นไปแล้ว
คนที่สอง : คนมีไหวพริบนะ เหมาะแก่การเต้นมาก ตรงนั้นผิดนิดหน่อยไม่สำคัญ
สรุป : เลือกคนสอง

Ch 4.9 จงทำให้ผู้อื่นมีความสุขที่จะกระทำในสิ่งที่เราเสนอแนะแก่เขา

ถ้าอยากเสนอให้เขาทำอะไร ให้สิ่งเล็กๆที่ทำหใ้เขารู้สึกดีพ่วงไปด้วยเสมอ

เคสปฏิเสธคำเชิญขึ้นไปพูด
ยินดีที่ได้รับคำเชิญและแสดงความเสียใจที่ไม่สามารถร่วมงานนั้นได้ แล้วบอกว่า
ทำไมคุณไม่เอาเพื่อนผมละ เขามีเรื่องแปลกๆเล่าเยอะเลย

เคสจะให้คนงานทำงานเพิ่มเติม
ให้ห้องส่วนตัว + ตำแหน่งเพิ่ม

EPISODE 5 : จดหมายซึ่งบันดาลผลมหัศจรรย์

“ถ้าหากท่านเข้าไปในเมือง ซึ่งท่านไม่รู้จักถนนหนทาง จงถามผู้ที่ด้อยกว่าทั้งในฐานะและสังคม”
ทำให้เขารู้สึกเป็นคนสำคัญในการคุยกับคนใหญ่คนโต

จิตวิทยาผู้มิตรด้วยการขอร้องอีกฝ่ายหนึ่งให้ช่วยเหลือเขาจะคงดำรงอยู่ชั่วกาลนาน
“วันนี้ผมไม่ได้มาเสนอขายอะไรให้คุณหรอก ผมอยากจะขอร้องให้คุณช่วยเหลือผมอะไรสักอย่าง ถ้าคุณจะกรุณา ขอเวลาผมสักครึ่งนาทีได้ไหม “

โปรดจำไว้ว่า
เราทั้งหลายต่างกระหายที่จะได้รับความยกย่องนับถือและความเป็นคนสำคัญ ซึ่งเราจะยินดีทำเกือบทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งนั้น แต่ไม่มีใครต้องการความไม่สุจริตใจ ไม่มีใครต้องการคำพูดประจบสอพรอ

EPISODE 6 : วิธีปฏิบัติ 7 ประการเพื่อทำให้ชีวิตในครอบครัวของท่านมีความสุขยิ่งขึ้น

Ch 6.1 อย่าเป็นคนขี้จุกจิกเอาเรื่อง

ความจู้จี้เป็นสิ่งควรสะพรึงกลัวอย่างที่สุด มันไม่เคยล้มเหลว ทำนองเดียวกับการกัดของงูเห่า มันจะทำลายเสมอ จะทำให้ถึงตายเสมอ

พระเจ้านโปเลียนที่ 3 และพระนางญูเญนี ก็เกิดปัญหาจากพระนางในความขี้หึงและความจู้จี้

สิ่งที่น่าอเนจอนาถสำหรับ ลิงคอล์น ก็คือ ชีวิตแต่งงานของเขานี่เอง
หนึ่งในสี่สตวรรษที่นางลิงคอล์นจู้จี้เอาเรื่องและก่อกวนชีวิตลิงคอล์นให้เบื่อหน่ายละอิดละอา

การคอยจ้องเอาเรื่องสามารถเปลี่ยนลิงคอล์นได้หรือเปล่า
ถูกแล้ว มันเปลี่ยนอยู่ประการหนึ่ง
มันเปลี่ยนความรู้สึกท่าทีของเขามีแก่เมีย
กล่าวคือทำให้รู้สึกเศร้าเสียใจต่อการแต่งงานอับโชคของเขา และทำให้เขาอยากหลบหน้าจากหล่อนมากที่สุดเท่าที่สามารถ

Ch 6.2 อย่าพยายามเป็นเจ้าหัวใจของคู่แต่งงานของท่าน

สิ่งแรกที่จะศึกษาในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่นคืออย่าแทรกแซงกับการหาความสุขในวิธีแปลกๆของเขา

ความสำเร็จในการแต่งงานเป็นเรื่องที่ไม่เพียงแต่การแสวงหาคู่ที่เหมาะสมด้วย หากผู้เป็นคู่แต่งงานจะต้องเป็นคนที่เหมาะสมด้วย

ดิสเรลี กล่าว
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้เกิดความโง่ที่จะแต่งงานเพื่อความรัก

หญิงม่ายผู้แต่งง่านกับดิสเรลี เพราะมีฐานะ และไม่มีความรู้ทางด้านประวิตศาสตร์ใดๆ
หล่อนไม่เคยอวดฉลาดและหล่อนเป็นอัจฉิรยะในการใช้ศิลปะปรนนิบัติผัว

หล่อนเป็นผู้ช่วยออกความคิดเห็น เป็นผู้ที่เขาไว้วางใจ และเป็นที่ปรึกษาของเขา

ดิสเลรีไม่เคยตำหนิติเตียนหล่อน ไม่เคยเอ่ยวาจาดุว่สหล่อนแม้แต่คำเดียว

แมรี แอน ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยในการพูดถึงผัวหล่อนด้วยการยกย่องสรรเสริญเขาในทุกรณี

ชีวิตทั้งคู่มีความสุขอย่างมาก

Ch 6.3 อย่าตำหนิติเตียน

งานวิจัยเปิดเผยว่าการแต่งงานของชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งหนึ่งประสบความล้มเหลว เพราะ การติเตียนอันไร้ประโยชน์

ถ้าหากท่านจะตำหนิติเตียนลูกของท่าน ท่านจงหลีกเลี่ยงเสีย

Ch 6.4 จงยกย่องสรรญเสริญด้วยความสุจริตใจจริง

ผู้ชายส่วนมากมิได้มิงหาเมียที่เป็นนาย แต่หาเมียยวนตายวนใจและประจบประแจงให้เขาเกิดความรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่า

ผู้ชายต้องกล่าวคำพูดแสดงความรู้สึกยกย่องชมเชยต่อความพยายามของผู้หญิงเพื่อเป็นคนสวยและแต่งตัวน่ารัก

Ch 6.5 จงเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ

ผู้หญิงทุกคนมีใจผูกผันกับความสำคัญของวันเกิดและฉลองครบรอบโน่นนี่ต่างๆ
สิ่งที่ต้องจำแน่นอน วันเกิดของเมีย และวันแต่งงานกัน

คู่แต่งงานที่มองไม่เห็นความสำคัญเล็กๆน้อยๆจะประสบความทุกข์ทรมานในชีวิตของเขา

Ch 6.6 จงมีกริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน

ความหยาบช้าคือมะเร็งที่เกาะดินความรักให้วอดวาย ใครๆต่างก็รู้ความจริงอันนี้ แม้กระนั้นเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปแล้วว่าเราสุภาพแก่คนแปลกหน้ายิ่งไปกว่าแด่ญาติพี่น้องลูกเมียของเรา

Ch 6.7 จงอ่านหนังสือดีๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตแต่งงาน

สรุปส่งท้าย

สรุปสั้นๆหนังสือเล่มนี้ “สอนให้เรารู้สึกใจเขาใจเราครับ ถ้าเราอยากได้อะไรดีๆจากเขา เราก็ต้องปฏิบัติและถ่ายทอดแต่สิ่งดีๆให้แก่เขาด้วย” ลองดูครับ อันนี้ก็เป็นหนังสือที่แปลมาอีกที ถ้าเป็นไปได้ ผมก็แนะนำว่าอยากให้ลองอ่านฉบับเต็มภาษาอังกฤษดูครับ เพราะสิ่งที่ถ่ายทอดจากผู้แต่งภาษาแม่จะเป็นอะไรที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากที่สุดแล้ว ซึ่งผมหวังว่าการรีวิวและการสรุปเนื้อหาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆลองไปอ่านฉบับจริงไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ คุณอาษา ขอจิตต์เมตต์ ในการแปลหนังสือเล่มนี้เพื่อใช้ในการอ้างอิงบทความครับผม

P.S. สำหรับใครที่อยากติดตามบทความผมแบบนี้อีก สามารถกด Follow เพื่อรับบทความไปอ่านก่อนใครได้เลยครับ

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet