“คอร์สเรียน UX/UI Learning by Doing แบบจัดเต็ม ที่จบแล้ว Design เป็นแน่นอน”
สวัสดีครับ ผมชื่อนัทนะครับ คอร์สนี้ก็จะเป็นคอร์สที่ 2 สำหรับ Google ที่ผมรีวิว นั่นคือ คอร์ส Google UX Design Professional Certificate ที่หลายคนบอกว่าดีกันนั่นเอง ก็ขออัปเดตประวัติของผมให้ฟังอีกครั้งหลังจากจบคอร์ส Google PM อันแรกมานะครับ ก็ปัจจุบันทำงานสาย Project Manager เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสกิล UX เลย แต่ถามว่าพอมีสกิลจาก UX จากงานเก่าไหม ก็พอมีติดตัวมาบ้างครับจากช่วงเป็น BA ที่โดนโยกให้ไปไปช่วยทำ UX/UI สักระยะ ฝีมือก็ประมานนี้ครับ
- Web Page: https://figma.fun/PL9b1M
- Mobile App: https://figma.fun/YysSQq
- Web App: https://figma.fun/XQVp44
- Admin App: https://figma.fun/UYkEZZ
การศึกษาสกิล Design ของผมก็เริ่มแบบบ้านๆด้วยตัวเอง Design ระบบตั้งต้น from Scratch ทำ Design System เอง สรุปสั้นๆคือพอมีประสบการณ์ แต่ไม่มีพื้นฐาน เป็นสายโดนบังคับต้อง Design ให้เป็นภายใน 7 days miracle ก็จะเป็นแนวคนรีวิวที่อยู่นอกสายงาน UX/UI ประมานนี้ครับ ใครอยากรู้เป็นไงลองไปอ่าน บทความตอนก่อน ที่ผมเคยเขียนได้ฮะ 55+
ภาพรวมคอร์สผมว่าดีเลย เหมาะสำหรับทั้งคนใหม่ และคนเก่าสาย UX/UI ลองไปไม่เสียหาย เพราะ มันเรียนฟรีใน Coursera ได้ 7 วัน ถ้าไม่ชอบก็เลิกเรียนได้ แต่ก็บอกเลยว่ากว่าจะเรียนจบก็อาจเหนื่อยหน่อย เพราะ Course นี้ Learning by doing จริงๆ มี Assignment ให้ Design เพียบ จบคอร์สแล้ว Design เป็นแน่นอน ส่วนตัวผมนั้นรอบนี้ได้ทุนเรียนฟรีจาก True ก็โชคดีไปไม่ต้องเสียเงิน
โอเครครับถึงคอร์สนี้ผมจะไม่ได้อินมาก เพราะ เหตุผลที่เรียนคือแค่อยากมาอัพ Skill แต่เอาเป็นว่าผมเชียร์ให้เรียนเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากย้ายมาทำงานสาย UX/UI ฮะ ก็มาเข้าเรื่องรีวิวคอร์ส Google เรากันเถอะครับ Go Go!!👍👍
เรียนไปแล้วได้อะไร?
รอบนี้ผมขอเริ่มจากเรื่องนี้ก่อนเลยฮะ อย่างแรกที่ได้หลังเรียนจบ คือ ใบ Certificate ของ Google ที่เอาไปแชร์ใน Linkedin หรือเว็บอื่นๆต่อได้ฮะ
Google UX Design Certificate — Credly
Google UX Design Certificate — Coursera
ถามว่ามีใบ Cer แล้ว แล้วทำให้ได้งานสาย UX/UI ง่ายขึ้นไหม ฝั่ง Coursera พึ่งทำวิจัยของปี 2022 มา และได้ผลมาแบบนี้ฮะ
76% ของผู้จ้างบอกว่าสนใจจ้างคนที่มีใบ Certificate คนที่เรียนเฉพาะทางมามากกว่า และทักษะ UX ในตลาดกำลังมาแรง
อันนี้ก็ไม่รู้จริงเปล่านะครับแต่ต่อให้ Cer ของ Google ไม่ได้ช่วยเรื่องสมัครงานอะไร แต่ทักษะและผลงานที่ได้ทำในคอร์ส สามารถช่วยเอาไปสมัครงานสาย UX/UI ได้แน่นอน เพราะ หลังจากจบคอร์สเราจะได้ของ และก็การบ้านสุดท้ายเขาจะให้นำพวกผลงานของเราพวกนี้ไปลง Portfolio เป็น Showcase โชว์ในพวกเว็บ www.behance.net เลย
ซึ่งคุณภาพงานในคอร์สก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจทำของแต่ละคน ถ้ายิ่งตั้งใจทำมากก็ยิ่งมีของดีๆไปโชว์ให้คนรับสมัครงานหรือลูกค้าเราดูมาก ส่วนตัวคิดว่าการทำการบ้านในคอร์สนี้ถือว่าคุ้มค่ามากครับ เพราะ เราสามารถเอาไปใช้ต่อได้ โดยการบ้านหลักๆมีให้ทำ 3 Case Study ดังนี้
- Case Study 1: ทำ Mobile App บน Figma
- Case Study 2: ทำ Responsive Website บน Adobe XD ใน Device Desktop และ Mobile
- Case Study 3: ทำ Responsive Website หัวข้อแอปเพื่อสังคม ใน Device Mobile, Desktop และ Tablet
ก็ลองตัวดูอย่างผลงานการบ้านที่ผมส่งในคอร์สนะฮะ ซึ่งความจริงกว่าจะเป็น Final Product แบบนี้ ก็ Work หลายเรื่องมาก่อนตาม Assignment คอร์สเขา ตั้งแต่ทำ User Research, Low Fidelity บลาๆ จนสุดท้ายทำไปถึง High Fidelity, Prototype และทำ Usability Study Slide Deck ก็ทำแบบนี้วนๆไป 3 รอบตามจำนวน Case Study ก็ลองดูถ้าจบมาแล้วเพื่อนๆได้ผลงานกลับมาตามตัวอย่างแบบนี้ ดูมีประโยชน์เปล่านะครับ 55
Case Study 1&2
(ของผมทำรวมเรื่องเดียวกัน เนื่องจากมีปัญหาการติดตั้ง Adobe XD)
CO-OP X: White Label Cooperative Platform
แพลตฟอร์มระบบการเงินพร้อมใช้ ฝากเงิน ปล่อยเงินกู้ ครบวงจร
- Mobile App: https://figma.fun/YysSQq
- Mobile Responsive Website: https://figma.fun/a4nbJ0
- Desktop Responsive Website: https://figma.fun/PL9b1M
Case Study 3
Kinjo: Neighbour SOS App
แอปช่วยงานเบ็ดเตล็ดเพื่อนบ้าน ที่เหมือนปัญหามันเล็ก แต่ไม่เล็กสำหรับคนขอ SOS
- Mobile Responsive Website: https://figma.fun/XeIWQB
- Desktop Responsive Website: https://figma.fun/xxd87L
- Tablet Responsive Website: https://figma.fun/HsJMen
- Usability Study Slide Deck: Link here
คอร์สนี้เหมาะกับใคร?
คอร์สนี้เหมาะสำหรับทั้งคนใหม่ที่ไม่เคยทำสาย UX/UI เลย และคนที่ทำสาย UX/UI อยู่แล้ว เพราะ สกิลของ UX มันคือเรื่องของการฝึกฝนและประสบการณ์ คนที่ทำอยู่ในสายอยู่แล้วก็มาฝึกได้อีก โดยคนสอนก็จะเป็นคนสาย UX จาก Google ทั้งหมดฮะ
ตัวที่เรียนก็เป็นออนไลน์ทั้งหมดนะครับ และเป็นภาษาอังกฤษล้วนที่มี Sub ดังน้ันใครภาษาอังกฤษไม่แข็งก็พอเรียนได้ครับ แต่ถ้าฟังหรือเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้เลย อันนี้ก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไร เพราะ อ่าน ฟัง เขียน ทั้งคอร์สจริงๆ โดยที่เรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นฟัง VDO Lecture ครับ ซึ่งหลังเรียนจบก็จะมี Practice Quiz ให้ทำเป็น Multiple Choices หรือให้เขียนก็ว่ากันไป แล้วตอนจบของแต่ละเรื่องก็จะมี Quiz ให้ทำวัดคะแนน ที่ต้องได้ 80% ขึ้นไปถึงผ่าน ซึ่งผมบอกได้เลยว่าถ้าเราฟังที่เรียนจริงๆ ยังไงก็ผ่านอยู่แล้วแหละ ถ้าไม่ผ่านก็สอบใหม่ Easy
นอกจากนี้ก็จะมีพวก Assignment ให้ทำระหว่างคอร์สด้วยครับ ซึ่งนอกจากที่เราต้องทำเองแล้ว เรายังต้องตรวจให้เพื่อนด้วยครับถึงจะผ่านคอร์สได้เป็น Peer Review ซึ่งผมว่าก็ดีนะ เพราะ เราจะได้เห็น Feedback เพื่อนๆ และเราจะได้รู้ด้วยว่าปกติคนอื่นเขาเขียนยังไง แต่ข้อเสีย คือ กว่าจะมีเพื่อนมาตรวจให้บางครั้งนาน ซึ่งถ้าเพื่อนยังไม่ตรวจ คอร์สนี้ต่อให้เราทำทุกอย่างครบหมดแล้ว มันก็จะยังไม่ขึ้นให้เราจบครับ
เนื่องจากคอร์สนี้งาน Assignment ค่อนข้างเยอะ ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ เพราะ ผลปลายทางที่ได้มันค่อนข้างคุ้มค่า ก็อาจต้องมีความอดทนนิดนึงกับการเรียนคอร์สนี้ เพราะ พอเป็นคำว่าคอร์สออนไลน์ และราคาถูก มันทำให้คนเลิกเรียนกลางคันไปได้ง่ายๆครับ
เรียนนานเท่าไร?
คอร์สนี้เป็นคอร์ส 7 บท ที่มีเนื้อหาเยอะสุดในบรรดา Google 5 Course โดยการเรียนเป็น Self Pace จบช้า จบไวแล้วแต่คนเลย ซึ่งตัวคอร์ส Google เองบอกเป็นคอร์สเรียน 6 เดือน แต่ของจริงเรียนยังไงก็ไม่ถึงหรอก โดยผมคิดว่าถ้าเรียนแบบฟังคนสอนกับทำการบ้านทุกชิ้นแบบตั้งใจจริงๆ ก็ประมาณอย่างต่ำๆเดือนครึ่งครับ
ผมขอสารภาพว่าหลังจากผมเรียนจบบทแรกช่วงต้นปี ผมก็มียอมแพ้เลิกเรียนกันไปเหมือนกัน เพราะ ด้วยความขี้เกียจและความงก แต่โชคดีช่วงปลายปีมีเพื่อนมาชวนให้กำลังใจเรียนอีกครั้ง พร้อมได้ทุน True เรียนฟรี ทำให้สุดท้ายก็เรียนจบกันไป
ก็รวมๆ 6 บทที่เหลือ ผมใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่าๆในการเรียนจบ แต่เคสของผมคือเรียนความเร็วแบบ 1.5X ตลอดนะครับ และมี Material เตรียมในการ Design อยู่แล้ว มีเอา Design งานเก่ามาต่อยอดด้วย ถ้าเป็นคนที่เริ่มจาก 0 เลยน่าจะใช้เวลานานกว่าแน่นอน ซึ่งสไตล์เวลาการเรียนของผมก็เหมือนคอร์สที่แล้วเลย คือ เรียนทุกวันหลังเลิกงาน ประมาณวันละ ชม. ส่วนวันหยุดมีเวลา ก็จะเรียนเยอะหน่อย กิจวัตรประจำวันของผมก็ทำงาน 5 วัน เหมือนคนทั่วไป แต่ที่พิเศษคือมีเล่นฟิตเนสวันละ 2 ชม. แล้วเวลาที่เหลือก็มาเรียน และทำการบ้าน Design ฮะ
แพงไหม?
อาทิตย์แรกมีให้ลองเรียนฟรี มากกว่าจากนั้นคิดรายเดือน เดือนละ $59 (ประมาณ 2,000 บาท) เรียนจบช้าก็จ่ายเยอะ แต่ผมก็แนะนำว่าก็อย่าเร่งมากเกินเพื่ออยากจ่ายน้อยเลยครับ เอาตามเป้าหมายที่เราเรียนเพื่อเอาความรู้ดีกว่า
ยากไหม?
เรียนสบายๆ เป็น Self pace ภาษาอังกฤษฟังง่าย ไม่เข้าใจก็กลับมาฟังซ้ำ Quiz ถ้าทำไม่ผ่าน 80% ก็กลับมาสอบใหม่ Easy ส่วนที่ยากน่าจะเป็นเรื่อง Assignment ที่ต้องมาเริ่มตั้งแต่หาหัวข้อ Project ที่คนมักจะมีปัญหาว่าไม่รู้จะทำเรื่องอะไร ซึ่งความจริงเขาก็มี Random หัวข้อโปรเจคให้เรานะ แต่ผมแนะนำว่าเลือกเองในสิ่งที่เราอยากทำดีกว่า
อีกปัญหาคือเรื่องของการใช้ Tool คนใหม่ที่ไม่เคยทำ UX/UI เลย อาจจะต้องศึกษาการใช้ Figma กับ Adobe XD หน่อยฮะ ซึ่งความจริงผมว่ามันก็ใช้งานง่ายแหละ แต่อาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับมันนิดนึง โดยถ้าใช้เป็นมันก็จะเป็นสกิลติดตัวเราไป คราวนี้อยากจะทำ UI อะไรสวยๆก็ทำเองได้หมดแล้ว
แล้วก็มีเรื่อง UX Research ที่เราต้องไปสัมภาษณ์คน ถามว่ายากไหม ความจริงไม่ยากหรอก แต่มันเยอะ เพราะ อย่าลืมว่าเราต้องทำงานแบบนี้ วนถึง 3 รอบเลยนะ เพราะ มี 3 Use Cases และเคสหนึ่งต้องสัมภาษณ์ขั้นต่ำถึง 5 คน
ส่วนอื่นๆก็ไม่ค่อยมีอะไร สิ่งที่ผมแนะนำคือพยายามไม่ต้องรีบเรียน และกดดันตัวเองมากครับ ทำใจให้สบายๆ แล้วเราจะเรียนชิวๆไปทั้งคอร์ส เพราะ เราเรียนเพื่ออัพสกิลเราเอง ไม่ได้เรียนเพื่อแข่งกับคนอื่นเอาโล่
เนื้อหาที่เรียนมีอะไรบ้าง?
ตามนี้เลยครับแบ่งเป็น 7 บท ใน 1 บท แบ่งเรียนออกเป็น 4–6 weeks แต่ตอนมาเรียนจริงผมคิดว่า 1 week ของเขา คือ ประมาณ 1 Day ที่เราเรียนครับ
สไตล์เนื้อหาการสอนก็เริ่มจากทฤษฏี แล้วก็เอาสิ่งที่เรียนไปลงภาคสนามทำการบ้านต่อเลยครับ เป็นการเรียนแบบ Learning by Doing ตัว Tool ก็ที่อยากให้เน้นๆก็คือ Figma ครับ เพราะ ได้ใช้ยาวๆทั้งคอร์ส
ก็มาดู Overview เนื้อหาแต่ละบทกันว่าเราจะเจออะไรบ้าง
- บทที่ 1: Foundations of User Experience (UX) Design >> คอร์สเปิดโลก UX แนะนำคอนเซปต์การ Design UX พื้นฐาน, การทำงานสาย UX/UI, วิธีสมัครงาน
- บทที่ 2: Start the UX Design Process: Empathize, Define, and Ideate >> หาหัวข้อโปรเจคทำ Mobile App สอนวิธีคิดไอเดีย ทำ Persona หา Pain Point กับ User ก่อนที่จะลงมือทำ Design UI จริง
- บทที่ 3: Build Wireframes and Low-Fidelity Prototypes >> สอนร่าง Wireframe หน้าจอ Mobile App ด้วยมือ ต่อด้วยการเอาไป Design เป็น Low Fidelity ต่อใน Figma
- บทที่ 4: Conduct UX Research and Test Early Concepts >> สอนทำ UX Research และการเอาหน้าจอแอป Low Fidelity ไปเทสกับ User 5–8 คน และสุดท้ายเอาผล Feedback ที่ได้มาสรุปทำสไลด์ Usability Study
- บทที่ 5: Create High-Fidelity Designs and Prototypes in Figma >> สอนทำพวก UI Element, ทำ Design System บน Figma ให้ออกมาเป็น High-Fidelity Prototype สวยงาม และวนไปเทสกับ User และทำสไลด์สรุป Usability Study เหมือนบท 4
- บทที่ 6: Responsive Web Design in Adobe XD >> เหมือนเอาบท 2–5 มายำให้เรียนและทำการบ้านอีกทีตั้งแต่ Wireframe ยันไปถึง High-Fidelity Prototype แต่ไปทำใน Adobe XD แทน และเพิ่มในเรื่อง Responsive ที่เราจะได้การบ้านที่ต้องทำ Responsive Website ให้รองรับ 2 หน้าจอทั้ง Mobile และ Desktop
- บทที่ 7: Design a User Experience for Social Good & Prepare for Jobs >> เป็นบทที่หนักหนาที่สุด เหมือนเป็นการเอาบท 1–6 มายำรวมกัน โดยโจทย์คือให้ทำแอปเพื่อสังคมที่เป็น Responsive Website รองรับหน้าจอ Mobile, Desktop และ Tablet ตบท้ายด้วยการเอาผลงานที่เรียนทั้งหมด 3 Case Study ไปลง Portfolio เป็น Showcase 1 เว็บ เช่น behance.net ส่งงานให้เพื่อนตรวจเป็นการจบคอร์ส
โดยการสอนของ Google คอร์สนี้ เขาส่งเสริมเรื่อง Inclusive Design กับ Assertive Technology ค่อนข้างมาก ที่เขาจะพยายามให้เรา Design รองรับไม่ใช่ให้แค่เพียงคนปกติทั่วไปใช้แอปได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงคนที่มีความผิดปกติทางร่างกายอื่นๆด้วย เช่น ตาไม่ดี หูหนวก ในโลกความเป็นจริงถือว่าเป็นอะไรที่ Challenge มาก เพราะ ส่วนใหญ่การที่เราไปโฟกัส Design ไปที่กลุ่มใดเป็นพิเศษ มันมักจะมี Trade off กับการใช้งานที่ยากขึ้นของกลุ่มอื่นเพิ่มเติมเสมอ ซึ่งถ้าเราสามารถทำแอปที่คนทุกกลุ่มใช้งานได้ดีหมด ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม
บทไหนน่าเรียนสุด?
เรียงลำดับจากความชอบผมนะครับ (จากชอบมากสุดไปน้อยสุด)
- บทที่ 7: Design a User Experience for Social Good & Prepare for Jobs >> ถึงเนื้อหาจะซ้ำ แต่มีการสรุปประเด็นสำคัญ และมีการสอนเทคนิค Design เล็กๆน้อยๆที่ดีมาก ที่อยากจะบอกว่าบท 1–6 ไม่ต้องเรียนก็ได้ แค่เรียนบท 7 บทเดียว เนื้อหาและการบ้านก็ครอบคลุมทั้งคอร์สแล้ว 55+
- บทที่ 5: Create High-Fidelity Designs and Prototypes in Figma >> เนื้อหาดี คนสอนดี ได้ฝึกใช้ Figma เยอะ เอาไปใช้ตอนทำงานจริงได้
- บทที่ 2: Start the UX Design Process: Empathize, Define, and Ideate >> คนสอนฟังเสียงแล้วตื่นดี มีได้เทคนิคการคิดไอเดีย Design ดีๆ เอาไปใช้ต่อได้
- บทที่ 4: Conduct UX Research and Test Early Concepts >> การเทสด้วยหน้าจอ Low Fidelity เป็นอะไรที่ทำให้ User เข้าใจยาก ซึ่งเป็นอะไรที่ยากลำบากมากในการทำการบ้านบทนี้ แต่เนื้อหาการสอนก็ถือว่าค่อนข้างดีเอาไปประยุกต์ใช้ต่อตอนทำงานจริงได้
- บทที่ 6: Responsive Web Design in Adobe XD >> เนื้อหาที่ค่อนข้างซ้ำกับของเดิม เหมือนมาเรียนบท 2–5 ใหม่ แค่เพิ่มเติมมาในเรื่อง Responsive หลายหน้าจอ Device นิดหน่อย
- บทที่ 3: Build Wireframes and Low-Fidelity Prototypes >> คนสอนพูดช้ามาก และเนื้อหาการร่าง Wireframe ค่อนข้างพื้นฐานเกินไปสำหรับผมที่พอใช้ Figma วาดคล่องอยู่แล้ว
- บทที่ 1: Foundations of User Experience (UX) Design >> ความจริงไม่ได้แย่ คนสอนก็ถือว่าโอเคร แต่พอผมจบบทนี้ ไม่รู้ทำไมผมหยุดเรียนไปเกือบหนึ่งปีกว่าจะได้เรียนขึ้นบทต่อไป เลยให้เป็นลำดับสุดท้ายละกัน
ใช้อะไรเรียนได้บ้าง?
เรียนจาก Web ช่องทางนี้
ดังนั้นจะเรียนจากคอม, Tablet หรือโทรศัพท์ก็ได้หมดเลยครับ ซึ่งตัว Tablet และโทรศัพท์เรายังสามารถใช้ผ่านแอป Coursera ได้อีกด้วยนะครับ ไปโหลดมาได้ แต่พอเป็นช่วงทำการบ้านที่ใช้ Figma หรือ Adobe XD ก็คิดว่ายังไงก็น่าจะต้องใช้คอม หรือถ้าใครเก่งสามารถ Design บน Tablet หรือโทรศัพท์ได้ก็ตามนั้นครับ
สรุปส่งท้าย
สำหรับคอร์สนี้ความรู้สึกผมอย่างแรกหลังจบ คือ ในที่สุดก็จบแล้ว การบ้านอย่างเยอะ เราผ่านมาได้ไง 55+ ถ้าให้คะแนนผมขอให้ 4 เต็ม 5 เพราะ บางพาร์ทเหมือนเนื้อหาที่เรียนซ้ำกันไปหน่อย เหมือนเรียนซ้ำ 3 รอบ ก็หวังว่าสิ่งที่ผมรีวิวจะเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆในการตัดสินใจเรียนคอร์สนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ
คอร์ส Google นี้นอกจากเรื่อง UX ก็ยังมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจให้เรียนอีกด้วยนะครับ ทั้งคอร์ส Project Managment, Data, IT Support, Digital Marketing ก็ไปดูตามลิงก์ได้ฮะ
ส่วนคนที่สนใจคอร์ส Google Project Management ไปอ่านรีวิวผมเพิ่มเติมได้
ส่วนอันนี้รีวิวของ Google Digital Marketing & E-commerce
สุดท้ายนี้ ผมขอฝากประโยคนี้ไว้ครับ
There are no shortcuts. Only hard work. Train hard and be patient. It will pay off.
สำหรับใครที่ติดตามมาจนจบก็อย่าลืมกด Follow เพื่อรับบทความดีๆแบบนี้อีกนะฮะ วันนี้ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ 😊😊