EP 9 : Hashgraph จะมาฆ่า Blockchain จริงไหม?

Nut P
3 min readFeb 29, 2020

ถ้ามีคนถามให้บอกเกี่ยวกับเทคโนโลยีอะไรที่กำลังมาแรงสัก 3 อย่าง….

ผมเชื่อนะครับ 1 ใน 3 ที่ทุกคนตอบจะมีคำว่า “Blockchain”

ทุกท่านคงจะคุ้นหูกับคำว่า Blockchain มากในช่วงนี้ ซึ่งในปัจจุบัน Blockchain นอกจากจะนำมาใช้พัฒนาพวก Bitcoin หรือ Cryptocurrency แล้ว ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการทำธุรกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านธนาคาร การแพทย์ พลังงาน หรืออื่นๆ เพราะ Blockchain ทำให้ทุกอย่างทำงานได้ปลอดภัยและรวดเร็วขึ้น จนทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า Blockchain คือ เทคโนโลยีแห่งอนาคต!!

แต่เดี่ยวก่อนในช่วง 2–3 ปีมานี้ ถ้าใครติดตาม Blockchain จะเห็นว่ามีคนเคลมเกี่ยวกับเทคโนโลยีหนึ่งที่กล่าวว่าดีกว่า Blockchain ไปในทุกด้าน

นั่นคือ “Hashgraph” ครับ

ซึ่งในตอนนี้ ผมจะมาเปรียบเทียบระหว่าง Hashgraph และ Blockchain เลย ว่า Hashgraph มันดีกว่าจริงๆหรือเปล่า จะเป็นเป็นเพียงการปั่นกระแส หรือเป็นสิ่งที่โลกมองข้าม ซึ่งก็แปลกจริงนะครับ ข่าวก็มีนานแล้ว แต่ทำไมยังไม่บูมสักที

สำหรับคนที่สนใจ ติดตามต่อได้เลยครับผม 💨💨

“HashGraph ความเร็วที่เหนือกว่า ปลอดภัยกว่า และแฟร์กว่า”

ก่อนที่จะเอา 2 เทคโนโลยีนี้มาเปรียบเทียบกันนะครับ ขอให้ทุกคนเข้าใจคำว่า “ Distributed Ledger Technologies(DLT)” คร่าวๆก่อนนะครับ ตัวนี้มันคือ Method สมัยใหม่ที่ทำให้ Digital Data มันสามารถเดินทางได้แบบ Peer to Peer โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง เหมือนกับวิธีเก่าๆดั้งเดิม ซึ่งทั้ง Hashgraph และ Blockchain ใช้แนวคิด DLT นี้ทั้งหมดครับ แต่ต้นกำเนิดที่ทำให้เกิด DLT ทั้ง 2 เทคโนโลยีแตกต่างกัน โดยที่ Hashgraph เคลมว่าวิธีของเขานั้นเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และแฟร์กว่า….

จริงไหม มาดูรูปเปรียบเทียบ แล้วมาเจาะลึกกันทีละส่วนครับ

Hashgraph คืออะไร..?

Hashgraph คือ วิธีใช้ Distributed ledger technology ด้วยการใช้วิธีโหวดมติเอกฉันท์ ตัวระบบจะทำการเช็ค และโหวตไปเรื่อยๆแตกกิ่งแบบต้นไม้ ถูกสร้างขึ้นในปี 2016 โดย Swirlds และถูกจดลิขสิทธิ์ไปให้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

Blockchain คืออะไร..?

Blockchain คือ วิธีใช้ Distribited legder technology แบบ Peer to peer decentralized DLT ถูกสร้างขึ้นใน ปี 2009 และเป็นที่เทคโนโลยีที่เปิด Open Source ทำให้ มีผู้พัฒนาหลายคนเข้าไปใช้ จนกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

อัลกอริทึม

ความแตกต่างที่สุดระหว่าง Hashgraph และ Blockchain ก็คือตัวอัลกอริทึมนี่แหละครับ โดย Blockchain จะเป็นวิธีที่ใช้การเก็บข้อมูลในเป็นบล็อกๆ แล้วก็จะส่งข้อมูลต่อไปอีกบล๊อกทำงานวนไปวนมาเหมือนเครือข่ายใยแมงมุมเป็นการเดินทางแบบเส้นตรง โดยอาจจะมีการใช้พวกคอนเซป Proof of Work หรืออื่นๆประกอบตามรูป

ในขณะที่ของ Hashgraph ข้อมูลจะถูกเก็บและเดินทางไปแบบ Acyclic Graph กล่าวคือเป็นแตกกิ่งแบบต้นไม้ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งเวลาข้อมูลเดินทางแต่ละที ตัว Node จะเก็บข้อมูล และ Node ในแต่ละชั้นก็จะทำการ Vote เพื่อหาทางเลือกการเดินทางที่ดีที่สุด หรือที่เรียกว่า Virtue Voting แล้วก็จะเดินทางต่อไปเรื่อยๆ

ความปลอดภัย

ทั้งสองวิธีต่างก็มีความสามารถในด้าน Security ที่ดีทั้งคู่ครับ โดย Blockchain จะใช้วิธีที่เรียกว่า Cryptographic ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลทั้งตอนเก็บและตอนที่ส่งไปให้ Node ในเครือข่ายอื่นๆ ซึ่งตัวข้อมูลจะถูกเข้ารหัส โดยเมื่อมีแฮกเกอร์หรือใครอื่นที่ผิดปกติมาเข้ายุ่งกับข้อมูล ตัว Node ที่มาโดนยุ่งจะเปลี่ยนรหัสและส่งสัญญานความผิดปกติไปสู่ Node อื่นๆ ทำให้แฮกเกอร์เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้ครับ

ส่วนของ Hashgraph เขาจะใช้วิธี Asynchronous Byzantine Fault Tolerance(aBFT) คล้ายๆกับของ Blockchain ที่มีการเข้ารหัสอย่างแน่นหนา เมื่อมีการลงข้อมูลแล้ว ตัวข้อมูลนี้จะไม่สามารถถูกเปลี่ยนได้

ความเร็ว

Blockchain ความเร็วจะขึ้นอยู่กับในแต่ละเคสที่จะใช้ครับ แต่เมื่อเทียบกับความเร็วกับ Hashgraph จะห่างชั้นกันมาก ซึ่ง Hashgraph มีความเร็วในการทำถึง 500,000 Transaction เพียงในวินาทีเดียว ในขณะที่ถ้าเป็นของ Blockchain ยกตัวอย่างคือ Bitcoin มีความเร็วเพียง 100 -10,000 transaction ต่อวินาทีเท่านั้น

ความห่างชั้นนี้เกิดขึ้นจาก การที่ Blockchain เป็นวิธีที่เวลาข้อมูลวิ่งในเครือข่ายทีนึง เหมือนจะต้องยกทั้ง Database วิ่งข้าม Node ไม่เหมือนกับของ Hashgraph ที่มีเทคนิคที่เรียกว่า Gossip Method ที่ใช้ Data เพียงนิดเดียว เหมือนแค่เอาข้อมูลจากการกระซิบเบาๆ แล้วส่งไปต่อเรื่อยๆ ทำให้ Hashgraph เป็นวิธีที่กิน Resource น้อยกว่ามาก เร็วกว่า และยังช่วยประหยัดต้นทุน

ความแฟร์

ฺBlockchain มีความแฟร์น้อยกว่า เพราะเราไม่รู้เลยแต่ละคนที่อยู่แต่ละ Node จะทำอะไรบ้างยกตัวอย่างเช่น คนขุดเหรียญมักจะมีอำนาจมากในการจะทำอะไรต่างๆ ไม่ว่าจะอยากขุด หรือจะอยากหยุด สามารถเลือกลำดับก่อนหลัง ซึ่งมันไม่แฟร์สำหรับคนอื่นๆที่มาเชื่อมกับตัว Node คนขุดนี้

ในขณะที่ Hashgraph จะใช้การ Random และมีหลักการที่ไม่คำนึงจากผลว่าทำ Transaction อะไรก่อนหลัง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายได้รับความแฟร์เท่าๆกัน

ประสิทธิภาพ

Hashgraph ได้คะแนนด้านประสิทธิภาพ 100% ด้วยอัลกอลิทึมของมัน ส่วนของ Blockchain บางส่วนยังมีการติดขัด ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ตัวบล็อกโดนขุดพร้อมกัน 2 คน แต่ตัวอัลกอลิทึมมันจะเลือกให้เพียงแค่คนเดียว หมายความว่าอีกคนก็จะไม่ได้ไป ซึ่ง Hashgraph เป็นวิธีแตกกิ่งที่ไม่มีจุดอ่อนด้านนี้ครับ

การนำไปใช้

สามารถพูดได้ทันทีครับว่า Blockchain ชนะ Hashgraph อย่างขาดลอย เนื่องจาก Blockchain มียาวมานานมากแล้ว รวมถึงยังเปิดเป็น Open Source ให้นักพัฒนามาช่วยกันพัฒนาเรื่อยมา เช่น พวก Ethereum, NEO, VeChain และอื่นๆ

ส่วน Hashgraph นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ถูกจดลิขสิทธิ์ โดย Swirlds ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงนักพัฒนาทั่วไปได้ ถึงแม้จะมีตัวที่ปล่อย Public ที่ชื่อว่า Hedera Hashgraph แต่ก็ยังในช่วงระหว่างพัฒนาและยังไม่เสถียร ถึงแม้ว่าจะมีหลายบริษัทให้ความสนใจและมีบริษัทที่ใช้กว่า 300 บริษัท แต่ก็ยังน้อยถ้าเทียบกับ Blockchain ที่มีบริษัทที่ใช้เป็นพันๆหมื่นๆ

สรุปส่งท้าย

จะเห็นได้ว่า Hashgraph มีความสามารถเหนือกว่า Blockchain ซะทุกอย่างจริงๆ แต่สุดท้ายมาตกม้าตาย เพราะ บริษัทของ Hashgraph ดันไม่มีแนวคิดที่จะอยากกระจายเทคโนโลยีไปสู่วงกว้างตั้งแต่แรก ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนในยุค Microsoft ที่ไปฆ่า IBM ปล่อย License Window ฟรี ยอมกินแต่ละคนน้อยๆ แต่สามารถทำให้ทุกคนได้ใช้ Window ทั่วโลก ซึ่งหลังจากที่มีคนใช้จำนวนมาก Platform ก็จะถูกพัฒนา และก็จะมีบุคคลากรที่มาช่วยทำด้านนี้มาช่วยให้ตัว Platform พัฒนาอย่างรวดเร็ว

แต่ Hashgraph ดันเป็นเหมือน IBM ที่มาขาย OS หลัง Microsoft เป็นปัจจัยที่ยิ่งแย่ ถึงแม้ Hashgraph จะมีความสามารถในด้านเทคโนโลยีเหนือกว่า Blockchain แต่ถ้าไม่มีคนใช้ ทุกอย่างก็จบ และยิ่ง Blockchain มันมาก่อนนานจนทุกคนติดแล้ว จะให้คนเปลี่ยนของใช้ที่คุ้นเคยก็คงยาก แถม Hashgraph ยังทำแบบระบบปิดถือลิขสิทธ์เหมือนบริษัทยุคเก่า ทำให้เข้าถึงคนทั่วไปยากขึ้นไปอีก และทำให้ตัวเทคโนโลยีไม่เติบโตเร็วเท่าที่ควรครับ

ถึงตอนนี้จะมีตัว Hedera Hashgraph ที่ปล่อย Public อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก็ยังน้อยถ้าเทียบกับ Blockchain ที่อยู่ในตลาดเป็นหลายๆแพลตฟอร์ม ซึ่งเอาเข้าจริงต่อให้ Hashgraph เปิด Open Source ให้ใช้ฟรีและทำให้คนรู้จักทั่วไปทุกคน ยังไง Hashgraph ก็คงไม่มาดิสลัป Blockchain 100% ครับ เนื่องจากมันก็ยังมีบาง Use Case ที่เหมาะแก่การใช้ Blockchain มากกว่าอยู่

ก็ต้องลุ้นต่อไปครับว่า Swirlds จะยอมเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือไม่ จะยอมกินเยอะในวงแคบเหมือนเดิม หรือจะกินน้อยแต่กระจายวงกว้าง ทำให้ทุกคนได้มีโอกาสรู้จัก Hashgraph กันทั่วโลก

อีกสักสองสามปีมาดูกันครับว่าจะเป็นยังไงกัน 🤔 🤔

P.S. สำหรับใครที่อยากเข้าใจ Hashgraph เพิ่มเติม ผมมีคลิปแนะนำที่อธิบายถึง Hashgraph เข้าใจง่ายมากครับ

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet