สวัสดีครับ พอดีผมได้มีโอกาสไปอัปเดตเทรนด์ AI ในงาน AI Empowerment ช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา แล้วรู้สึกงานนี้มีการยกตัวอย่าง Use case ที่ดีมาก ทั้งการใช้ ChatGPT และ Tool AI ต่างๆที่พอรู้จักแล้ว สามารถเอาประยุกต์ใช้ให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก งานนี้ก็จุใจเต็มอิ่ม 4 ชม. เพื่อนๆสามารถดูคลิปตัวเต็มได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ฮะ ก็บทความนี้ผมก็จะพยายามเขียนสรุปสิ่งสำคัญที่ผมคิดว่ามีประโยชน์ครับ ก็เรื่องนี้เหมาะมากทั้งคนที่เป็นพนักงานประจำ และคนทำธุรกิจ ก็แนะนำให้ลองอ่านครับ ใครพร้อมก็ไปอ่านต่อกันได้เลยย 👌
https://www.facebook.com/AIEmpowerment/videos/201851852679020
“AI ช่วยให้เราถึงจุดมุ่งหมายที่เร็วขึ้น เปรียบเสมือนในยุคที่ใช้รถแทนการขี่ม้า ”
- AI ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการพูดถึงว่าจะมาแทนที่มนุษย์ตั้งแต่กว่า 30 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แทนที่จริงๆสักที
- วันนี้ไม่มี AI เราก็สามารถทำงานให้ถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน แต่การใช้ AI จะทำให้เราทำงานไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วขึ้น (อย่างมาก)
- การใช้ AI ช่วยทำงานเปรียบเหมือนรถ การทำงานแบบเดิมเปรียบเหมือนม้า ม้าก็คงอยู่ แต่แทนที่จะเอาไปใช้ขี่เดินทาง ก็เอาไปใช้ทำอย่างอื่นแทน
- ความฉลาดของ AI ใช้หลักเรียนการรู้เหมือนกับคน ที่เราต้องใส่ Data ไปให้มันเรียนรู้มันจะได้ฉลาด เช่น การทำให้รู้จักแมว เราต้องใส่ข้อมูลรูปแมวไปเทรนด์ให้ AI เรียนรู้ โดยมันจะเก็บข้อมูลรูปเป็นตัวเลข 0101 ในแต่ละ Pixel แล้วนำเอาไปเข้าโมเดลทำนายชื่อ Machine Learning/Deep Learning ซึ่ง % ความแม่นยำก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพ Data ที่เทรนด์มัน เปรียบเสมือนการสอนเด็กในคน แต่ AI จะตรงไปตรงมา ไม่มีความรู้สึก ไม่มี Common Sense จึงผิดพลาดบ่อยครั้ง
- ตัวเลข 0101 ที่ยกตัวอย่างมาจากข้อที่แล้ว ตัว AI จะเก็บตัวเลขนี้ใช้เป็นตัวแปรในการวิเคราะห์ ซึ่งเรียกว่า Parameter เพื่อใช้ในการทำนายสิ่งที่เทรนด์ว่ามันคืออะไร เช่น AI เห็นรูปแมว แล้วบอกว่าเป็นแมว
- ChatGPT-3 มีการใช้ Parameter ถึง 175K ล้านตัวในโมเดลวิเคราะห์ ซึ่งต้องใช้พลังในการเทรนด์เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าบ้าน 126 หลังทั้งปีในเดนมาร์ก โดย ChatGPT-4 ยิ่งกว่านี้
- Generative AI ใช้หลักการทำนายย้อนกลับ เช่น ใส่ Data ข้อมูลว่า Cat แล้วให้ AI สร้าง 0101 แต่ละ Pixel ออกมา ประกอบร่างกันจนเป็นรูปแมว
- ส่วนของ ChatGPT ที่เป็นหนึ่งใน Generative AI เป็นการทำนายแบบ Text ที่มีการใช้ Human feedback ช่วยเรียนรู้แบบ Reinforcement learning ด้วย ที่พอ ChatGPT ตอบมาแล้วมีให้เลือกกด Like หรือ Dislike ว่าข้อความที่ตอบกลับมาโอเครหรือไม่ แล้วครั้งถัดไปมันก็จะฉลาดในการตอบมากขึ้น
- AI บางครั้งยังสู้มนุษย์ไม่ได้ในปัจจุบัน เพราะ มันไม่มี Common Sense เหมือนมนุษย์ และใช้แต่ Data ที่เราให้ ซึ่งบางครั้งตรงไปตรงมาเกิน เช่น AI มองกรรมการที่หัวล้านในสนามบอล นึกว่าเป็นเป็นลูกฟุตบอล เพราะ ขาวๆกลมๆเหมือนกัน
- บทบาทของ AI ในปัจจุบันคือเป็นผู้ช่วยมนุษย์สร้างสิ่งต่างๆ, Inspire, Manage, Analyze และช่วยสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆได้ และมนุษย์มีบทบาทต้องเอาไปใช้ต่อ
- คนสมัยก่อนต้องเก่งแบบ T-Shape รู้กว้าง มีรู้ลึกเป็น Expertise สักอย่าง ส่วนยุค AI จะเป็นยุคที่การนำ AI เอาไปต่อยอดในสิ่งที่เราเป็น Expertise อยู่แล้ว ให้เก่งเพิ่มขึ้นอีกได้ เช่น คนที่ใช้ Midjourney สร้างรูปเก่ง มักเป็นช่างภาพ
- AI จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาชีพใหม่ เหมือนยุคที่มีอาชีพใช้ Excel มาแทนที่นักบัญชีที่ใช้กระดาษ อาชีพที่ทำงานร่วมกับ AI ได้ ก็จะอยู่ต่อไป ถ้าไม่ ก็จะถูกแทนที่ เช่น พนักงานแท็กซี่ถูกแทนที่ด้วย Autonomous Car
- AI กำลังจะเข้ามา transform หลายเรื่องมาก เช่น เรื่องรถกลายเป็นแบบขับออโต้, เรื่อง Design ที่แค่ร่างภาพบ้านใหม่บนกระดาษ AI ก็สามารถสร้างบ้านหมือนจริงได้แล้ว เรื่อง Search ที่จะมี AI สรุปสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เลย ไม่ต้องมานั่งดูทีละลิงก์เอง
- ในประเทศไทยมีแผน AI ฉบับร่างในปี 2022–2027 แล้ว ที่ช่วยในส่งเสริมสร้าง AI และกฏหมาย AI
- Prompt Engineer อาจไม่ใช่อาชีพที่ยืนยาว ถ้าเกิดในอนาคต AI ใช้งานง่ายขึ้นเรื่อยๆ เป็นอย่างยิ่งกับ ChatGPT เมื่อมี ChatGPT Plugin
- ธุรกิจที่เป็นคนตัวเล็กอาจจะมีแค่บทบาทเหมาะเป็นผู้ใช่ AI และสร้างตัว Product เท่านั้น ซึ่งอาจไม่สามารถไปถึงการสร้าง Platform อย่างเช่น ChatGPT เพราะ มันต้อง Require resource มหาศาล เป็นอย่างยิ่งในเรื่อง Data
ลักษณะเบื้องต้นของ ChatGPT
- เป็น AI ชนิด Language model แบบ Chatbot โดย Prompt คือสิ่งที่พิมพ์บอก AI ส่วน Response คือสิ่งที่ AI ตอบ
- ตอบได้แบบ Text, Bullet, Numbering, Table
- เข้าใช้งานฟรีได้ที่ https://chat.openai.com/auth/login แต่ถ้าอยากเร็วขึ้น และไม่ติด Capicity Limit ให้จ่าย $20 ต่อเดือน
- ใช้ในเว็บ ไม่มี App
- มีข้อมูลเทรนด์ถึงเดือน Sep 2021
- อย่าใส่ข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลความลับบริษัท เพราะ ChatGPT จะมีการเก็บข้อมูลไปเทรนด์ ต้องไปปิดมันก่อน
- ChatGPT เปรียบเสมือนที่ปรึกษา ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ไม่บ่น ว่าง 24 ชม. มีความฉลาดปานกลาง ความจำสั้น แต่พอมั่วนิ่ม ตอบได้อย่างมีความมั่นใจ ต้องตรวจสอบก่อน ถ้ารู้จักวิธีใช้ จะช่วยประหยัดการทำงานได้อย่างมหาศาล
- 4 บริการ ChatGPT >> 1. ผ่าน ChatGPT บนเว็บปกติ 2. ผ่าน Playground บนเว็บ (ฟีเจอร์เยอะกว่า ได้ใช้ได้แปปนึงแล้วต้องจ่ายเงินต่อคำเลย) 3. ผ่าน Open API 4. ผ่าน Bing (ได้ใช้ ChatGPT 4 แบบไม่เสียเงิน)
- ChatGPT 3.5 ตอบไว ส่วน ChatGPT4 ตอบช้า แต่ฉลาดกว่า
- ควรคุยกับ ChatGPT แบบใส่ข้อมูลให้ละเอียดมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการ เช่น บอก Act as manager, to…. as…
- การคุยกับ ChatGPT ควรคุยแบบเป็น Chain เช่น เปิดมาบอกโครงสร้างการรีวิวหนังที่ดีคืออะไร แล้วต่อด้วยรีวิวหนังเรื่อง…ให้หน่อย
- ตัวอย่าง Use cae: ใช้เรียนภาษาอังกฤษ, เขียนอีเมล, ตรวจ SEO, ร่าง Business Plan, ทำ Sentimental Analysis, ทำ Persona, ช่วยทำ Personalise marketing, ทำ SWOT, หาไอเดียเกมส์, Social media plan
- Tool อื่นๆช่วยสร้างรูป ให้ AI วาดรูปให้ เช่น MS Designer, Midjourney, Stable Diffusion
- ปัจจุบัน Midjourney เวอร์ชันสุด ทำรูปออกมาได้สมจริงมาก รูปคนปกติไม่เป็น 6 นิ้วแล้ว แต่ถ้าถือของ นิ้วยังเกินอยู่ ถามว่าสมจริงขนาดไหน เข้าไปดูรูปในกลุ่ม FB นี้เป็นไอเดียได้ฮะ https://m.facebook.com/groups/797432901271530
ตัวอย่างไวๆใช้ AI ช่วยทำงาน จาก 1 เดือนเป็น 30 นาที
- ร่าง Business Plan >> ChatGPT
- ร่าง Marketing Plan >> ChatGPT
- สร้างสไลด์วีดีโอนำเสนอ >> Invideo/Decktopus
- ทำเว็บไซต์ >> Durable
- ทำ Social Media Plan >> ChatGPT
- สร้างภาพมาแปะ >> Clipdrop/MS Designer/DallE
ตัวอย่าง Use Case การใช้ ChatGPT เพิ่มเติม
- วางแผนทำ Project
- ช่วยเขียนโค้ดโปรแกรม
- ปรึกษาวิธีรับมือลูกค้าที่บ่นมา
- ช่วยเป็น Co-founder ทำธุรกิจ
- หาไอเดียทำธุรกิจ
- คุยปรึกษาคลายเครียด
- ทำ Business Plan
- ช่วยตัดสินซื้อทำเลบ้าน
- วางแผนเที่ยว
- ช่วยทำเมนูอาหาร
สิ่งที่คนกำลังพยายามพัฒนา AI เพิ่มอยู่
- Theory of Mind >> ทำให้ AI มีความรู้สึกเหมือนคน มี Common sense, emotion
- Self-Awareness >> มีความนึกคิดเป็นของตนเองเหมือนคน แบบ Ultron ใน Marvel
ตัวอย่าง AI Use Case อื่นๆ
- Language Model >> เช่น Google Assistant, Siri ใช้เสียงสั่งการ
- Chatbot >> เช่น Anthropic.ai ใช้ Chatbot ช่วยขายของ
- Video Generator >> เช่น Dreamix สร้างวีดีโอเต่าว่ายน้ำต่อจากคลิปเดิม
- Text to image, Text to Video >> เช่น Synthesia พิมพ์ข้อความลงไป สร้างภาพ, วีดีโอ
- ทำ Interior Design จำลองห้อง >> เช่น Spacey AI
ข้อจำกัดของ AI ในปัจจุบัน
- ChatGPT ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องของความถูกต้องของข้อมูลอยู่ ต้องมีคนคอย Verify มันจึงควรเอามาใช้แค่เป็น Draft เท่านั้น แล้วให้คนมาเจียละไนก่อนำไปใช้
- มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ เช่น การสร้างภาพจาก Midjourney มีปัญหากันว่าใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันใน T&C ของ Midjourney เขียนว่า Midjourney เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในภาพที่คนสร้างมา ซึ่งคนเอาไปใช้เองต่อได้ แต่เอาไปใช้ Copyright เชิงธุรกิจไม่ได้ โดยทั้งหมดนี้เบื้องต้นขึ้นอยู่กับ T&C ของแต่ละผู้บริการ AI เลย
- เรื่อง Privacy ที่คนทำ AI อาจนำข้อมูลที่เราใช้ในแพลตฟอร์มไปใช้ต่อ เช่น ประเทศอีตาลีก็แบน ChatGPT ไปแล้ว หรือ Samsung สั่งแบนไม่ให้พนักงานใช้ ChatGPT เพราะ ทำโค้ดหลุดไปใน ChatGPT เรื่องพวกนี้ถ้าธุรกิจต่างๆจะใช้ AI ก็อาจต้องคำนึงดีๆ ถึงความเสี่ยงที่ต้องแลกมา แต่ก็ไม่อยากให้รัดเข็มขัดระวังมากจนเกินไป ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือน Privacy ข้อมูลที่เราไปวางบน Cloud หรือจะการวางข้อมูลสำคัญๆไปให้กับผู้บริการอีเมล ที่ปัจจุบันก็ไม่ได้มีการซีเรียสอะไรมากในวงการธุรกิจนัก
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไรบ้างครับกับสรุปเนื้อหาในงาน AI Empowerment หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะฮะ ซึ่งส่วนตัวผมยังเชื่อนะครับ ว่า AI เป็นสิ่งมีประโยชน์มากในเรื่องช่วยการทำงาน ใครที่ใช้เป็นก็จะเหมือนเป็นคนทำงานยุคใหม่ที่ก้าวข้ามคนไม่ใช้ไปอีกระดับ ก็เหมือนกับที่เมื่อก่อนคนจะทำสไลด์ต้องจ้าง Agency มาทำแผ่นใส เพราะ เป็นเรื่องยาก แต่เดี๋ยวนี้มี PWP ทุกคนทำเองได้ ก็สนับสนุนให้ลองเอา AI ไปประยุกต์ใช้กับงานตัวเองกันครับ ซึ่ง AI ในปัจจุบันมันมีดีจริง แต่ถ้าเราใช้ไม่เป็น หรือไม่ยอมใช้ มันก็จะไม่มีประโยชน์เลย
“ผู้ที่กล้าเปลี่ยนแปลงไปใช้สิ่งที่ดีกว่าได้เร็ว คือผู้ที่จะได้รับชัยชนะ
สิ่งที่มีอยู่ ก็จะคงอยู่เหมือนเดิม แต่จะปรับเปลี่ยนวิธีใช้”
สำหรับใครที่อยากให้ผู้เขียนได้แชร์บทความดีๆแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกด Follow ผู้เขียนกันนะครับ วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ🙌🙌
