หลายคนคงสงสัยว่าทำไมส่วนใหญ่ในอดีต Investor ชอบไปลงทุนใน Startup ที่ทำเกี่ยวกับ Software กัน เป็นอย่างยิ่งในโมเดล Software-as-a-Service (SaaS) หรือที่เข้าใจง่ายๆคือโมเดล Subscription จนหลายบริษัทประสบความสำเร็จโตเป็น Unicorn กันเป็นแถว เหตุผลคือ
เพราะ บริษัท Software ที่ทำโมเดล Software-as-a-Service (SaaS) …
- ได้ Profit Margin 90%++
- มี Recurring Revenue ย้อนกลับมาทุกปีหลังขายได้
- มีมูลค่าเฉลี่ยสัญญา ACV (Average Contract Value) ที่สูง
- มั่นคง ลูกค้าติดหนึบหลังจากที่ตัดสินใจใช้ Software แล้ว
- Massive Network Effect ที่สามารถไป Cross Sell หรือ Bundle ขาย Product ต่อเพื่อเพิ่มมูลค่าสัญญาที่ผูกซื้อ Software เดิมได้
ถ้าลองเปรียบเทียบกับ Product อื่นในตลาด เช่น สินค้า CPG, Service, ขายตรง D2C, Hardware…
- มี Profit Margin ที่ต่ำกว่า
- ไม่ได้ Revenue กลับมาซ้ำหลังขายได้
- มีต้นทุนค่า CAC (Customer Acquisition Cost) สูง
- รายได้จากค่า Subscription ต่ำ
- Customer Retention โอกาสที่ลูกค้าวนกลับมาใช้ต่ำ
เรื่องน่ารู้ในโลกความจริงถ้าเปรียบเทียบ Product 2 กลุ่ม…
อดีตที่ผ่านมา บริษัทกลุ่ม Software ส่วนมาก รายได้โต 10X++ หลัง IPO
ในขณะที่บริษัทกลุ่มที่เหลือ โตเพียง 2–5X เท่านั้น
แล้วทำไมมันถึงเป็นดีลใหญ่นักสำหรับเหล่า Investor?
มันเป็นเรื่องของ Revenue Ramp ที่บริษัท Software มีรายได้ไกล้ๆเพียง $100m ต่อปี ก็สามารถกลายเป็น Unicorn ได้แล้ว
ในขณะที่ถ้าเป็นบริษัทกลุ่มอื่นต้องมีรายได้ต่อปีถึง $200–400m ในการมาอยู่จุดเดียวกัน ซึ่งต้องใช้แรงมากกว่าถึง 2–4X เท่า
นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไม Investor จึงแห่เอาเงินมาลงทุนในบริษัท Software
Startup กลุ่มอื่นก็สามารถโตเป็น Unicorn ได้นะ แค่มันยากกว่า
แล้วเราจะทำตัวอย่างไรในฐานะที่เป็น Founder ล่ะ?
- หาโอกาสเข้าไปทำในตลาดใหม่ที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง
- แก้ปัญหาที่เป็น Top 3 ในตลาด
- Validate ROI ลูกค้า (ความต้องการที่จะจ่าย)
- มี Annual Contact เซ็นอย่างน้อย 2–3 ฉบับ
- จับตาทำเรื่องการขายให้ดี
- Raise Fund หาทุน และกลับมาทำซ้ำเรื่อยๆ
Reference: Brandon Bryant | Harlem Capital Partners
สำหรับใครที่อยากให้ผู้เขียนได้แชร์บทความดีๆแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกด Follow ผู้เขียนกันนะครับ วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ🙌🙌