EP 73: Travel Now Pay Later โมเดลธุรกิจท่องเที่ยวยุคใหม่

Nut P
3 min readJul 31, 2022

มาพบกันใหม่อีกตอนครับ ผมเชื่อว่าถ้าเพื่อนๆคนไหนอยู่ในวงการช้อปปิ้ง คงเคยได้ยินคำว่า Buy Now Pay Later (BNPL) กันอย่างหนาหูแน่นอน ซึ่งตอนนี้ได้มีศัพท์ใหม่ที่คล้ายๆกันในวงการท่องเที่ยว นั้นคือคำว่า Travel Now Pay Later (TNPL) หรือ “เที่ยวก่อน จ่ายทีหลัง” ครับ บริการนี้บอกได้เลยครับว่าใช่ย่อย เพราะ มีหลาย Startup ในอเมริกาและยุโรปประสบความสำเร็จจากการให้บริการ TNPL มาแล้ว แล้วถามว่าในไทยละ มีคนให้บริการ เที่ยวก่อน จ่ายทีหลัง แบบนี้บ้างไหม? ถ้าใครสงสัยก็อย่ารอช้า เชิญติตตามต่อกันได้เลย 🤟🤟

“บริการผ่อนค่าเที่ยว ที่ทั้งง่าย และดี ตรงตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่”

Travel Now Pay Later (TNPL) คืออะไร..?

Travel Now Pay Later หรือในชื่อภาษาไทยว่า “เที่ยวก่อน จ่ายทีหลัง” หรือในความหมายที่แปลออกมาง่ายๆว่า บริการผ่อนค่าเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าที่พัก หรือตั๋วเครื่องบิน ที่อาจมีราคาแพง และเราอาจไม่มีเงินจ่ายเต็ม ณ ขนาดนั้น

บริการนี้คอนเซปต์แต่เดิมมาจากบริการ Buy Now Pay Later (BNPL) ที่ใช้ในการผ่อนสินค้า ซึ่งเป็นบริการที่นิยมในกลุ่ม eCommerce และต่อมาได้ขยายไปในกลุ่ม Hospitality หรือที่เราเรียกกันชินปากว่าบริการจองที่พักออนไลน์ จนบริการนี้พัฒนาเป็นคำศัพท์ใหม่ว่า Travel Now Pay Later (TNPL) ในที่สุด

โดย TNPL มีกระบวนใช้บริการ แบบง่ายๆ ดังตัวอย่าง

  1. ลูกค้าเข้าไปแพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ ที่มีบริการ TNPL
  2. ลูกค้าทำการจองที่พัก หรือตั๋วเครื่องบิน และเลือกบริการผ่อนจ่าย แบบเที่ยวก่อนจ่ายทีหลัง
  3. ระบบทำการตรวจสอบข้อมูล และทำแจ้งผลอนุมัติภายในไม่กี่นาที
  4. กรณีผ่านการอนุมัติ ลูกค้าทำการชำระเงินก้อนแรก ถ้าบริการนั้นต้องให้ชำระ (ขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์ม) เช่น 20% ของค่าที่พัก
  5. ที่เหลือลูกค้าทำการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ผ่านการผูกบัตรเดรบิต/เครดิต หรือโอนเงิน ซึ่งจะเป็นรายอาทิตย์, รายเดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสัญญาการบริการ

จะเห็นว่า TNPL เป็นบริการที่ใช้ง่ายมาก แทบจะไม่ต่างการจองที่พักออนไลน์ปกติเลย

ทำไมต้องใช้ Travel Now Pay Later (TNPL) ..?

Lean Canvas for Travel Now Pay Later (TNPL) Model

จากข้อมูลสรุปภาพรวมใน Lean Canvas ของบริการ Travel Now Pay Later (TNPL) จะเห็นได้ว่าด้วยที่บริการ TNPL เป็นบริการที่ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ถูกใจกลุ่มคน Millennial และ Gen Z ที่เป็นกลุ่มคนที่มีแรงเที่ยว แต่อาจมีเครดิตไม่พอที่จะทำบัตรเครดิต แต่ก็คงอยากใช้เงินเพื่อใช้เวลาในการไปท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

ในตลาดสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ใช้บริการ TNPL นิยมอย่างแพร่หลาย Insider Intelligence พบว่ากลุ่มคน Millennial และ Gen Z ช่วงอายุ 20–40 ปี เป็นวัยที่มีการอัตราใช้บริการ BNPL รวมถึง TNPL มากที่สุด ถึง 40.7% เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมหาศาลจากเดิมในปี 2018 ที่คนวัยนี้มีอัตราการใช้บริการ TNPL ไม่ถึง 2% เท่านั้น

ซึ่งถามว่าทำไม TNPL ดึงดูดคนกลุ่มนี้ เพราะ ข้อดีของ TNPL มีหลายประการทั้ง

  1. การขออนุมัติใช้บริการสะดวกรวดเร็ว บางครั้งแทบไม่ต้องเช็กประวัติเครดิต หรือเครดิตบูโร ให้ยุ่งยาก เหมือนการทำบัตรเครดิต หรือขอสินเชื่อ
  2. แทบไม่ต้องใช้เอกสารประกอบ เช่น สลิปเงินเดือน เพียงใช้แค่ข้อมูลลูกค้าเบื้องต้น และหลังจากนั้นก็ใช้ Machine Learning คำนวณข้อมูลด้านหลัง เพื่อประเมินความเสี่ยงเองทั้งหมด
  3. ดอกเบี้ยต่ำ หรือบางครั้งไม่มีดอกเบี้ยเลย
  4. ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีจ่ายเหมือนบัตรเครดิต
  5. ค่าปรับที่ค่อนข้างต่ำ กรณีจ่ายหนี้ไม่ตรงตามเวลา

ด้วยเหตุนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บริการ TNPL จะเป็นบริการที่คนรุ่นใหม่ถูกใจ และมีแนวโน้มที่จะแต่นิยมขึ้นเรื่อยๆ

แตกต่างอะไรกับผ่อนผ่านบัตรเครดิต..?

บริการ TNPL ดูเหมือนจะเพอร์เฟ็กไปซะทุกอย่าง แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคน หลังจากที่อ่านคอนเซปต์และข้อดี TNPL นี้เรียบร้อย ก็จะมีคำถามในหัวว่า TNPL มันดีกว่าบัตรเครดิตจริงๆเหรอ? เราใช้บัตรเครดิตรูดก็ได้นี่? ในขณะที่บางคนถึงกับบอกว่า BNPL และ TNPL จะเป็นสิ่งที่จะมา Disrupt บัตรเครดิต

ส่วนตัวผู้เขียนก็เห็นด้วยกับคำว่า Disrupt ในบางส่วน แต่ก็คิดว่า TNPL ก็คงจะไม่ได้มาแทนที่บัตรเครดิต 100% ทั้งหมดเลยซะทีเดียว เพราะ ทั้ง TNPL และ บัตรเครดิต ก็มีข้อดี ข้อเสีย ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและจุดมุ่งหมายใช้งานของแต่ละคน ซึ่งพอมาเทียบกันตามรูปนะครับ

TNPL VS Credit Card

จะเห็นได้ว่าบัตรเครดิตก็ยังคงมีข้อดีหลายๆอย่างที่มากกว่า TNPL ทั้งรูดแล้วได้ Reward และถ้าจ่ายตรงเวลา ก็ช่วยสร้างประวัติเครดิตบูโรให้ดีขึ้นด้วย ซึ่งในเคสที่คนที่รูดบัตรเครดิตเป็นประจำแล้ว ก็อาจไม่ใช่ Target หลักของคนที่มาใช้บริการ TNPL

TNPL อาจจะเหมาะกับคนที่ปกติไม่ใช้บัตรเครดิต เช่น คนที่ยังไม่สามารถเปิดบัตรเครดิตได้ หรือคนที่ไม่อยากสร้างนิสัยใช้เงินในอนาคตมากนัก ซึ่งคนหลายๆคน โดยเฉพาะกลุ่มคน Millennial ก็เริ่มหันมายกเลิกใช้บัตรเครดิต และมาใช้บริการ TNPL เป็นรายครั้งแทน ด้วยเหตุผลที่การรูดบัตรเครดิตเป็นการสร้างนิสัยเสียการใช้เงินที่เพิ่มขึ้นให้แก่พวกเขานั่นเอง

ตัวอย่าง Startup ชื่อดังที่ใช้โมเดล TNPL

Uplift

Klarna

Affirm

ในไทย

Atome X Agoda

SCB 10X X Traveloka

แนวโน้ม TNPL ในประเทศไทย

เป็นที่น่าประหลาดใจที่ตลาดการท่องเที่ยวของไทยถือว่าใหญ่มาก แต่กลับมีผู้เล่นในตลาด TNPL น้อย จะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ในไทยที่มีการเปิดให้บริการ TNPL ที่เห็นชัดๆมีเพียงแค่ Atome ที่เริ่มบุกเบิกทำ TNPL กับ Agoda และของ SCB10X ที่เริ่มมีการจับมือกับ Traveloka และอาจจะมีการนำโมเดล TNPL ที่เชี่ยวชาญในประเทศอินโดนิเซียมาใช้ต่อที่ไทยเท่านั้นเอง

ซึ่งจากการสันนิษฐานของผู้เขียนที่ว่าทำไม TNPL ยังไม่แพร่หลายไทย อาจเป็นเพราะ ประเทศไทยมีพื้นที่ไม่กว้างขวางพอ และมีราคาที่พักไม่สูงมากนัก ต่างจากของ USA ที่เวลาการเดินทางไม่ว่าจะไปเที่ยว หรือไป Business Trip ก็ต้องใช้การนั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่น และเปลี่ยนที่พักบ่อย ทำให้แต่ละคนมีการจ่ายค่าท่องเที่ยวราคาสูงค่อนข้างบ่อยในแต่ละปี จนอาจเป็นผลให้โมเดล TNPL Success และมีผู้เล่นในตลาดแข่งขันกันอย่างแพร่หลาย เพราะ Key ของการที่คนที่จะใช้บริการ TNPL คือการที่เขาจ่ายเงินค่าเที่ยวรอบเดียวเองไม่ไหว

Photo by JESHOOTS.COM on Unsplash

ถามว่าประเทศไทยจะมีโอกาสที่มีคนมาใช้บริการ TNPL นิยมถึงจุดนั้นไหม?

บอกได้เลยว่าก็อาจจะมีถึง แต่อาจจะมาหลังจากตลาด BNPL ในกลุ่ม eCommerce ไทยอิ่มตัวแล้ว ที่เป็นที่ตลาดที่ใหญ่กว่า และกำลังแข่งกันอย่างดุเดือดทั้งในไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Bain ได้รายงานว่าตลาดนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจมีโอกาสเติบโตได้ถึง 9.2 หมื่นล้านดอลาห์ ในปี 2025 เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า ในเพียงเวลา 5 ปี ส่วนในไทย ทาง ResearchAndMarkets คาดว่าตลาดนี้ในสิ้นปี 2022 จะเติบโตถึง 92% เลยทีเดียว

ซึ่งหลังจากตลาด BNPL ในกลุ่ม eCommerce เริ่มอิ่มตัว ผู้เขียนเชื่อว่าคนที่อยู่ในตลาด BNPL เดิมนี้ก็จะเริ่มหันไปขยายธุรกิจไปตลาด TNPL กลุ่มตลาด Hospitality กันอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะ ด้วยความเชี่ยวชาญเดิมที่สามารถนำมาต่อยอดจาก BNPL ในตลาด TNPL กลุ่ม Hospitality ได้อย่างไม่ยากเย็น

สรุปส่งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ Travel Now Pay Later โมเดลธุรกิจท่องเที่ยวยุคใหม่ ที่ตอบโจทย์คนสมัยใหม่ได้ดี เพราะ ง่าย แถมต้องไม่เช็กเครดิตเยอะ ซึ่งถ้าเพื่อนๆถามผมว่า TNPL เป็นโมเดลการจ่ายเงินค่าเที่ยวดีที่สุดไหม? ผมก็ยังคงตอบว่าไม่ใช่ อ้าว แล้วงี้บัตรเครดิตดีสุดเหรอ? ก็ไม่ใช่อีก เพราะ สิ่งที่ดีที่สุด คือ การที่เราจ่ายเต็ม และไม่ต้องเป็นหนี้ตั้งแต่แรก 😋 แล้วเพื่อนๆล่ะ มีความเห็นกันว่ายังไงบ้างครับ

สำหรับใครที่อยากให้ผมได้แชร์บทความดีๆแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกด Follow ผมกันนะฮะ วันนี้ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ🙌🙌

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet