EP 67: นิทาน มือ, ปลาแองเกลอร์ -It’s Okay to Not Be Okay กับข้อคิดในชีวิตการทำงาน

Nut P
2 min readMar 30, 2022

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กน้อยที่แสนงดงามเกิดในบ้านเศรษฐีตระกูลหนึ่ง แม่รักลูกน้อยซึ่งมีผิวขาวราวดอกแม็กโนเลีย และงดงามอย่างมาก ถ้าเพื่อลูกของเธอแล้ว เธอสัญญาว่าจะเอาเดือนเอาตะวันมาให้ลูกให้ได้ พอหนูน้อยโตเริ่มกินข้าวได้ แม่ก็ดีใจแทบกระโดดโลดเต้น

“ลูกจ๊ะแม่จะป้อนทุกอย่างที่ลูกต้องการ อ้าปากกว้างๆนะจ๊ะ ไหนอ้าปากแบบนี้ซิ”

พอหนูน้อยโตเริ่มเดินได้ แม่ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหา

“ลูกจ๊ะเดี๋ยวแม่ให้ขี่หลังนะจ๊ะ มาซิ มาขี่หลังแม่”

หลังจากทำทุกอย่างที่จำเป็นให้ลูกและเลี้ยงลูกมาอย่างสมบูรณ์แบบ วันหนึ่งแม่ก็พูดว่า

“ลูกสุดที่รักจ๊ะ แม่คงต้องพักสักหน่อยแล้วละ จากนี้ไป ลูกป้อนขัาวให้แม่หน่อยนะ”

แล้วลูกน้อยก็พูดกับแม่ว่า “แม่คะ แต่หนูไม่มีมือค่ะ เพราะหนูไม่เคยใช้มันสักครั้ง มันเลยหายไปหมดแล้ว”

แม่เลยพูดตอบกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นลูกแม่ ช่วยแบกแม่หน่อยได้ไหม แม่เจ็บขาเหลือเกิน”

แล้วลูกน้อยก็ตอบแม่ว่า “แม่คะ เท้าก็หนูก็ไม่มีค่ะ เพราะหนูขี่หลังแม่มาตลอด เท้าหนูเลยไม่เคยแตะพื้นเลยสักครั้ง แต่ปากหนูกว้างมากนะคะ”

เธอบอกแบบนั้นแล้วก็อ้าปากกว้าง แม่ของเธอโกรธจัดเลยตะโกนว่า

“ที่แท้แล้วแกก็ไม่ใช่ลูกที่สมบูรณ์แบบสินะ แต่เป็นปลาแองเกลอร์ที่ไร้ประโยชน์ เป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทำอะไรไม่เป็นนอกจากรอกินเท่านั้น”

จากนั้นแม่เลยโยนลูกน้อยลงทะเลไกลแสนไกล

แล้วว่ากันว่าพอวันไหนที่ลมทะเลกรรโชก เหล่ากะลาสีนักเดินเรือจะได้ยินเสียงร้องให้ของเด็กน้อย

“แม่คะ…แม่ หนูทำความผิดอะไรเหรอคะ ช่วยมารับหนูกลับไปทีนะคะ…”

By โกมุนยอง It’s Okay to Not Be Okay EP 14

It’s Okay to Not Be Okay EP 14

เรื่องราวของลูกที่โตมาแต่ไม่ได้อย่างที่แม่หวัง เหมือนปลาแองเกลอร์ที่ไร้ประโยชน์ ตอนจบลูกเลยถูกแม่โยนให้ลงทะเลทิ้งไป เหมือนกับในสังคมเราที่หลายครอบครัวต่างก็ Expect ลูกอยากโตมาให้เก่ง ให้มาเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่ได้ เลี้ยงอย่างดี ให้ความรักใกล้ชิด แต่หารู้ไม่ว่าการให้ความรักที่มากจนเกินไป บางครั้งสุดท้ายก็อาจเป็นคมดาบที่มาเสียบลูกแทนก็ได้ ดังสำนวนไทยที่เราเจอบ่อยๆว่า

พ่อแม่รังแกฉัน

ตรงข้ามกันกับเรื่องเด็กน้อยซอมบี้ที่ลูกขาดความอบอุ่น เรื่องของมือ ปลาแองเกลอร์ เป็นเรื่องราวของแม่ที่ให้ความอบอุ่นลูกมากจนเกินไป จนไร้อิสละภาพ เหมือนเป็นหุ่นเชิด ที่พ่อแม่คอยเป็นผู้ชักใยทำให้ทุกอย่าง และตอนจบมาหวังให้หุ่นเชิดมาช่วยงานผู้ชักใยนั้น ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยเดินเอง ขยับตัวเอง ดังนั้นพอหุ่นเชิดถูกปล่อยใยไป เป็นธรรมดาที่หุ่นเชิดตัวนั้นจะไปนอนกองที่พื้น เพราะ ตัวเองนั้น ไม่ได้มีความสามารถที่ถูกฝึกมา ให้เดินเอง ขยับเองได้เลย

การให้ความอบอุ่นไม่ใช่สิ่งผิด แต่บางครั้งอะไรที่มากเกินไปอาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้าย สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันต้องอยู่ในจุดที่พอดี

เหมือนนางเอก โกมุนยอง ในเรื่องที่ถูกแม่เลี้ยงดูให้เป็นคนสมบูรณ์ทุกระเบียบนิ้ว แต่พอโตมาไม่ได้อย่างที่หวัง แม่ของเธอก็พร้อมที่จะกำจัดเธอและสิ่งๆรอบตัวเธอให้หมดไป ซึ่งสิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่หลอกหลอน โกมุนยอง มาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายตอนท้ายเรื่อง เธอก็สามารถก้าวข้ามสิ่งที่ครอบงำนี้ไปได้ และเดินไปในเส้นทางที่เธอกำหนดเอง

ตัวเราเองก็เช่นกัน เพราะ ตั้งแต่เราก้าวเท้ามาแตะพื้นโลก เราเป็นผู้เลือกสิ่งที่เราจะทำ ไม่ใช่พ่อแม่หรือใคร ที่เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตให้

ชีวิตเป็นของเรา เรามีพลังในการเลือกที่จะกำหนดชีวิตของเราเอง

It’s Okay to Not Be Okay EP 14

ดังชีวิตตอนทำงาน ถ้าเรามองในฐานะที่เราเป็นหัวหน้างาน การคาดหวัง Expect อะไรจากใครที่มากไป อาจจะเป็นสิ่งที่กลับมาทำร้ายทั้งตัวเราเอง และคนที่ถูก Expect ได้

เช่น การคาดหวังจากหัวหน้างานต่อลูกน้องที่เพิ่มมากขึ้น ที่เร็วกว่าอัตราที่ลูกน้องคนนั้นสามารถเติบโต

พอลูกน้องทำไม่ได้ตามอย่างที่หวังเหมือนเมื่อก่อน ก็จะรู้สึกผิดหวัง ทั้งที่ลูกน้องคนนั้นเขาก็อาจเหมือนเดิม หรืออาจทำงานได้ดีกว่าเดิม แค่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมันดันเป็นระดับคาดหวังของหัวหน้างานที่เพิ่มขึ้นมากเกินแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง

เพราะ ตามทฤษฎี Expectation Confirmation Theory ที่ค่าของการ Expectation มีความสัมพันธ์แปรผันตรงกับ Satisfaction ยิ่งมี Result มากกว่าที่คาดหวังมากเท่าไร ความพึงพอใจก็มากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกันถ้าผลที่ออกมันต่ำกว่าที่คาดหวัง สิ่งได้กลับมาก็จะเป็นความไม่พึงพอใจแทน

หมายความว่าอะไร หมายความคนที่มี Standard ตั้งความคาดหวังกับใครไว้สูง มักมีโอกาสที่จะได้รับความพึงพอใจ หรือความสุขกลับมาต่ำ ซ้ำร้ายยังได้ความผิดหวังกลับมา และอาจเป็นการสร้างแรงกดดัน ให้คนที่ถูก Expect มากเกินไปด้วย

เพราะรักมาก ยิ่งแคร์มาก

ยิ่ง Expect มาก และผลที่ได้กลับมาไม่ได้ตามคาดหวัง ก็ยิ่งเจ็บมากแค่นั้น

เหมือนกับการปีนเขาถ้าเรายิ่งปีนสูงขึ้นไปมากเท่าไร ตอนตกมาก็จะยิ่งเจ็บ

วันนี้เราเผลอปีนเขาไปในระดับที่สูงไปเกินหรือเปล่า..?

เส้นทางการเติบโตของลูกน้องเราอาจไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่ภาพจำวันแรก

ความคิดในหัวเราอาจจินตนาการไปให้ลูกน้องปีนเขาไปชมวิวที่จุดยอด

ทั้งที่ความจริงสิ่งที่ลูกน้องทำอาจไปแค่การกางเตนท์ชมวิวกลางภูเขา

ซึ่งสิ่งที่ได้ก็เป็นวิวเขาที่สวยงามเหมือนกัน

และเป็นไปได้ที่วิวกลางเขานั้นอาจเป็นวิวที่สวยงามกว่าบนยอดเขาก็ได้

ดังนั้นจงพร้อมยืดหยุ่นยอมรับและเคารพสิ่งที่คนอื่นเป็น

จงเปิดใจพร้อมเปลี่ยนภาพจำของเราในอดีต

เปลี่ยน Expectation อันเก่า เป็น Expectation อันใหม่ที่สะท้อนความจริง

เพราะคนทุกคนมีความพิเศษในตัวของแต่ละคน

ไม่แปลกเลยภาพที่เราจินตนาการจะไม่ตรงกับอย่างที่เราหวัง

แต่ถ้าเราปรับมันได้ ลองหาสิ่งดีๆจากมัน

สิ่งนั้นอาจกลายเป็นความคาดหวังใหม่ ที่ดีต่อใจตัวเอง และคนนั้นก็ได้

แต่ถ้าคุณยังยืนว่าจะไปยอดเขา

ก็จงฝึกเขา

ให้เวลามากพอ ที่เขาจะพร้อมปีนเขาขึ้นมาถึงยอดเอง

เพราะระดับความยากการขึ้นต้นเขา กับยอดเขา ไม่เหมือนกัน

ถึงจะใช้คำว่าปีนเขาเหมือนกัน แต่แค่ความกดอากาศ อุปสรรคภัยรอบข้าง ก็ต่างกันแล้ว

การใช้ Standard ความคาดหวังของการปีนจากต้นเขาแบบเดียวกับยอดเขาคงเป็นสิ่งที่ไม่แฟร์

จงปรับ Expectation ให้เหมาะสม และเคารพผลที่เกิดขึ้นกับมันตามมา

สรุปส่งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างครับนิทาน มือ, ปลาแองเกลอร์ ในตอนนี้ เทียบกับตอนอื่นว่าผมว่าเรื่องนี้น่าจะดาร์กสุดครับ ด้วยที่ลูกน้อยถูกแม่เลี้ยงเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายโดนจับทิ้งทะเลเพราะไม่ได้ตามที่หวัง ซึ่งการจับตาดูแบบเลี้ยงใข่ในหินบางครั้งเนี่ยแหละเป็นสิ่งที่ทำร้ายชีวิต ซึ่งดีไม่ดีอาจจะเป็นการทำร้ายมากที่รุนแรงกว่าการเอาไม่ใจใส่อะไรเลยก็ได้ แต่อย่างที่บอกสุดท้ายดีที่สุดทุกอย่างมันต้องอยู่ในความพอดี ไม่น้อยไป หรือมากไป ก็ถือเป็น Challenge ที่ยากเหมือนเกิน แต่ก็ไม่ยากเกินที่เราจะทำมันได้

วันนี้ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ เพื่อนๆสามารถอ่านนิทานตอนอื่นได้ที่ลิงก์ด้านล่างนะครับ สวัสดีครับ

--

--

Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp