สวัสดีครับ พอดีผมพึ่งได้ลองผันตัวเป็นชาวนาหมาดๆ แล้วรู้สึกว่าได้ผลตอบแทนดีมากๆ แต่นาที่ผมทำนี่ไม่ใช่ข้าวนะครับ แต่เป็นเหรียญดิจิทัล ใช่แล้วครับวันนี้เรากำลังพูดถึงการทำ Yield Farming กับ Defi ที่กำลังเป็นกระแสยอดฮิตทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ผมจะมาไกด์วิธีการทำ Yield Farming ในแอปตั้งแต่เริ่มต้นจาก 0 แบบละเอียดยิบ โดยเนื้อหานี้เหมาะกับใคร ก็เหมาะกับคนที่อยากลองเริ่มต้นทำ Yield Farming นั่นแหละ ดังนั้นใครพร้อมแล้วก็ไปติดตามต่อกันได้เลยครับ Go Go!!
“การลงทุนใหม่ ที่นักลงทุนคนไหนได้เห็นแล้วก็ต้องอึ้ง”
ก่อนที่จะเริ่มทำฟาร์ม ผู้เขียนแนะนำว่าอย่างน้อยเราควรมีประสบการณ์ในการเทรดคริปโตมาบ้างก่อนเนอะ และควรเข้าใจเหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับ Defi มาบ้าง โดยปัจจุบันเราสามารถศึกษาหาความรู้ได้เยอะแยะตาม Youtube หรืออ่านได้ตามบทความต่างๆ เพราะ การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง จะลงทุนที เราก็ควรรู้ว่าเรากำลังเล่นกับอะไรอยู่นะครับ ซึ่งตัวบทความนี้ผู้เขียนจะไม่ขอลงทฤษฏีเยอะนะครับ แต่จะขอลงเป็นวิธีการเริ่มต้นการ Yield Farming ผ่านแอป สำหรับคนที่เข้าใจหลักการมาบ้างแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี มามากกว่าครับ
ในบทความนี้ผู้เขียนขอใช้เป็นการ Yield Farming ผ่าน Pancake Swap นะครับ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มทำฟาร์มเหรียญที่เรียกได้ว่ากำลังฮิตในปัจจุบัน และมีข้อดีหลายๆอย่างที่แพลตฟอร์มอื่นไม่มี เช่น มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า Uniswap หรือจะมีการได้ผลตอบแทนจากการฟาร์มทีค่อนข้างสูง คล้ายกับ Sushi Swap ในอดีต แต่ดูแล้วไปได้ใกลกว่า เนื่องด้วย Pancake Swap มี Binance ที่เป็นแอปเทรดคริปโตอันดับ 1 ของโลก ผู้ทำ Binance Smart Chain (BSC) ในการเป็นผู้หนุนหลัง ซึ่งตัวอื่นที่กำลังฮิตหรือกำลังออกใหม่อื่นๆก็มีนะครับ อย่าง Autofarm, Alpaca แต่หลักการเริ่มต้นลงทุนก็ใช้คล้ายๆกับตัว Pancake ครับ ก็ลองไปประยุกต์ได้ครับผม
การทำ Farm หลักๆของ Pancake จะใช้เหรียญ BNB ในการพวกจ่ายค่าธรรมเนียม หรือที่เราเรียกกันว่า Gas นะครับ ดังนั้นทุกๆครั้งที่เราจะทำ Farm ใน Pancake เราจึงต้องมีเหรีญ BNB เหลืออยู่ในแพลตฟอร์มครับ ด้วยเหตุนั้น เพื่อความง่าย ผู้เขียนเลยขอใช้เหรียญ BNB โอนจาก Binance เป็นการตั้งต้นเพื่อง่ายต่อการอธิบายนะครับ ซึ่งในความเป็นจริงเราสามารถใช้เหรียญอะไรก็ได้ แล้วค่อยมา Swap เปลี่ยนเป็นเหรียญอื่นในแพลตฟอร์มทีหลังก็ได้
การทำฟาร์มก็จะมีหลักการคล้ายๆกับการฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ยในธนาคาร เงินก็เปรียบเทียบได้กับเหรียญ 2 เหรียญที่เรามาจับคู่กันตอนทำฟาร์ม ส่วนดอกเบี้ยก็เหมือนกับรางวัลจากการที่เราได้มาใช้แพลตฟอร์มนั้น ยิ่งทำฟาร์มเยอะก็เหมือนเรายิ่ง Swap เยอะ ซึ่งใน Pancake Swap เราเรียกรางวัลนั้นว่า Cake
ตัว Cake นี้ ถ้าเป็นศัพท์เทคนิคจะเรียกว่า Governance Token ซึ่งมันเป็นสิทธิ์ในการ Vote ในแพลตฟอร์ม ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆก็คือเหมือนกับ หุ้นในบริษัท ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนพวก Algorithm หรืออะไรก็ตามในแพลตฟอร์ม ก็ต้องผ่านคนที่มี Cake เหล่านี้ก่อน ซึ่งสิ่งที่วิเศษ คือ ปัจจุบันมันดันกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่า จนเราสามารถนำออกไปซื้อขายทำกำไรเหมือนเหรียญปกติได้
แล้วความเสี่ยงการทำ Farm พวก Defi นี้คืออะไร..?
- ความเสี่ยงจาก Impermanent Loss จากการที่เราจับคู่เหรียญมาทำฟาร์ม มูลค่าเหรียญ 2 เหรียญมันจะพยายาม Balance ให้เท่ากันตลอดเวลา ดังนั้นถ้าเหรียญไหนมูลค่าแกว่งลง ระบบก็จะเอามูลค่าอีกเหรียญนึงไปเติมแทน เช่น เริ่มแรกเหรียญ BNB มูลค่า $10 จับคู่กับ LTC $10 ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เหรียญ BNB เหลือ $5 ระบบก็จะนำมูลค่าเหรียญ LTC ไปเติมเท่า จนเท่ากัน เป็นอย่างละ $7.5 ดังนั้นเวลาจะเลือกคู่อะไร ก็ต้องดูดีๆ ถึงแม้ว่าในฟาร์มนั้นจะมีผลตอบแทนล่อตาล่อใจจากได้ Cake เป็นจำนวนมากก็ตาม
- ความเสี่ยงจากการโดน Hack จนทำให้ระบบหายสาบสูญ ซึ่งเพราะมันเป็น Defi พอมันหายไปแล้วไม่รู้จะไปฟ้องใคร อะไรที่ฝากในแพลตฟอร์มนั้นก็หายไปหมด มูลค่าจาก 100 to Zero ดังนั้นความน่าเชื่อถือในแพตลฟอร์ม Defi จึงเป็นอะไรที่มีความสำคัญมาก
- ความเสี่ยงจากค่าเงิน ที่เงินบาทที่ยังไม่มี Stable Coin แบบพวก USDT ในสกุลเงินดอลลาห์ ทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมค่อนข้างเยอะ
- และอื่นๆ
พอพูดถึงความเสี่ยงแล้ว เรามาดูเรื่องผลตอบแทนกันบ้าง เท่าที่ผู้เขียนเคยเห็น เคยเห็นการทำฟาร์มยันตั้งแต่คู่ที่ได้ APR (ผลตอบแทนต่อปี) ตั้งแต่หลัก 10,000% ยันต่ำลงมาถึง 10% แถมคู่ไหนแพลตฟอร์มต้องการให้คนมาลงเยอะๆ ยังมีโปรโมชั่นแถมเหรียญเกือบ 100 เท่าอีก จนผู้เขียนรู้สึกได้ว่ามัน Too good to be true ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะ ตัวเลข APR มันอาจเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แล้วอาจจะลดลงเรื่อยๆ เพราะ ยิ่งคนใน Pool เยอะ ผลตอบแทนก็จะได้กันน้อยลง เหมือนกับการแบ่งเค้ก ที่ถ้าคนเยอะขึ้นเท่าไร เค้กที่แบ่งให้แต่ละคนก็จะชิ้นยิ่งเล็กลง แถมมีเรื่อง Impermanent Loss ที่อาจทำให้เสียมูลค่าจากเหรียญที่ฟาร์มมากกว่าได้ Cake ก็ได้ ดังนั้นก็เหมือนตามหลักการลงทุนทั่วไป High Risk High Return
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้เราจะ Weight พวกความเสี่ยงอะไรเข้าไป ตัวเลขที่ได้กลับมาก็ถือว่ายังมหาศาลถ้าเทียบกับการลงทุนอื่นในปัจจุบัน ถึงแม้ผู้เขียนเลือกเอาตัวที่เสี่ยงน้อยสุด อย่างได้ผลตอบแทน 10% ที่จับคู่ลงแต่ Stable Coin ก็ถือว่ายังดีกว่าผลตอบแทนจากพวกหุ้นกู้ที่ได้ประมาณ 4% หรือเงินฝากธนาคารที่ดอกเบี้ยไม่ถึง 0.5% หรือเทียบจากหุ้นที่ได้ปันผล 10% ก็ถือว่าหรูละนะ
เพราะ ด้วยผลตอบแทนที่ว่ามาแลกกับความเสี่ยงเท่านี้ ในปัจจุบันมันจึงกลายเป็นสิ่งที่ฮอตฮิตกับคนทั่วโลก เพราะ มันเป็นอะไรที่ฉีก Logic การลงทุนแบบเก่าอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามทุกสิ่งมันไม่ได้ยั่งยืนยง ในอนาคตอาจไม่ใช่แบบนี้ก็ได้ ดังนั้นตามที่ผู้เขียนบอกตั้งแต่ต้น ก่อนจะลงทุนอะไร ต้องศึกษาให้ดีว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ยอมรับมันได้ไหม ถ้ายอมรับได้ ค่อยคิดจะลงทุนกับมันได้จริงๆ
โอเครครับ หลังจากที่มีความรู้เกี่ยวกับ Yield Farming มาเบื้องต้นแล้ว ต่อไปเราก็ไปดูวิธีเริ่มต้นการทำ Yield Farming กันได้เลย
เตรียมตัวก่อนทำ Yield Farming
P.S. วิธีเริ่มต้นทำฟาร์มยังมีอีกหลายวิธีนะครับ ซึ่งผู้เขียนเลือกวิธีที่คิดว่าเหมาะสมกับมือใหม่ สำหรับผู้ทีมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า หรือมีตัว Digital Wallet อยู่แล้วก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยครับ
1) เริ่มแรกเราต้องมีแอปและบัญชี Binance ก่อน สำหรับใครที่ยังไม่มี สามารถไปอ่านวิธีสมัครเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ
2) ดาวน์โหลดแอป SafePal Wallet มีทั้ง IOS และ Andriod ตามลิงค์ด้านล่าง ซึ่งแอปตัวนี้เราจะใช้เป็น Digital Wallet เพื่อเป็นตัวกลางรับเหรียญมาจาก Binance และนำไปใช้ทำ Yield Farming ผ่าน Pancake Swap ต่อไป (ใครจะใช้ Digital Wallet จ้าวอื่นก็ลองไปดูด้วยนะครับ ว่ามันรองรับตัวแพลตฟอร์มที่เราจะ Farm ได้หรือเปล่า อย่าง SafePal นี่ก็รองรับ Pancake Swap และแพลตฟอร์มอื่นๆได้หลายตัวอยู่ครับ)
IOS: https://apps.apple.com/app/safepal-wallet/id1548297139
Andriod: https://play.google.com/store/apps/details?id=io.safepal.wallet
3) คลิกเลือกสร้าง Software Wallet (สำหรับคนที่เลือกเป็น Hardware Wallet จะต้องมีเครื่องเก็บรหัสที่สั่งจาก SafePal ซึ่งราคาตัวเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท ยังไม่รวมค่าส่ง)
4) สร้างรหัสผ่านในการเข้าแอปอะไรให้เรียบร้อย
5) คลิกสร้าง Wallet
6) กำหนดรหัสสำหรับเวลาทำธุรกรรม
7) ตั้งรหัสเวลาเปลี่ยนเครื่อง หรือมีปัญหาอะไรกับ Wallet (***ต้องจำให้ได้ เพราะ เคยมีเคสที่คนมี BTC เป็นล้านดอลลาห์ใน Digital Waller แล้วลืมรหัสมาแล้ว ดังนั้นด้วยที่มันใช้ระบบ Blockchain และเราเท่านั้นที่เป็นคนเก็บรหัส เพราะฉะนั้น หายแล้วหายเลย) โดยระบบจะให้รหัสเป็นแบบเรียงให้เรามาจำเป็นแบบ 12 หรือ 24 กล่องตามที่เราเลือก ซึ่งก็ต้องจดไว้ดีๆห้ามหาย แล้วก็ทำการ Verify รหัสอีกครั้ง
9) เปิด Digital Wallet เรียบร้อย เตรียมโอนเหรียญมาจาก Binance ได้เลย!!
เริ่มต้นทำ Yield Farming
1) เข้ามาที่แอป SafePal แล้วเลือกเหรียญ BNB (BEP20) (ห้ามเอาตัว BEP2 นะครับ ไม่เหมือนกันครับ ถ้าโอนผิดต้องทำขอเรื่องกลับ ยุ่งครับ)
2) คลิกปุ่ม Receive เพื่อจะไปเอา Address ของที่อยู่ Wallet นี้เอาไปใส่ในตอนโอนแอป Binance ครับ
3) คลิกปุ่ม Copy เพื่อเอา Address ตัว Wallet มา หรือใช้ตัว QR Code ก็ได้
4) เปิดเข้ามาที่แอป Binance ทำการซื้อเหรียญ BNB อะไรให้เรียบร้อย แล้วเข้าไปที่เมนู Wallet (ใครซื้อไม่เป็น ลองไปอ่านในลิงค์ด้านล่างนี้ได้ครับ)
5) คลิกไปคำสั่ง Withdraw เพื่อที่จะทำการถอนเหรียญไปที่ SafePal
6) คลิกที่เหรียญ BNB
7) กด Paste วางสิ่งที่ Copy มา ลงใน Address หรือทำการสแกน QR Code
8)ในช่อง Network ทำการเลือก BEP20 (BSC) และทำการใส่ปริมาณเหรียญ BNB ที่ต้องการโอนไปที่ SafePal
9) ทำการคลิกปุ่ม Withdrawal
10) คลิกปุ่ม Confirm ยืนยันรายการ แล้วรอสักพัก จนกว่าระบบจะยืนยันการทำรายการสำเร็จ
11) คลิกปุ่มไปที่ View History
12) ถ้าเข้าไปดูแล้วขึ้นสถานะ Complete ถือว่าเป็นการโอนเข้า SafePal เสร็จเรียบร้อย
13) กลับเข้ามาที่แอป SafePal แล้วจะเห็นเหรียญ BNB เข้า Wallet แล้ว
14) คลิกไปที่เมนูไอคอนตามรูป
15) คลิกเลือก PancakeSwap ตรง Defi เพื่อลิงค์เข้าไปที่หน้าของเว็บ PancakeSwap (ถ้าไม่อยากฟาร์มบน PancakeSwap ก็อาจไปทำการฟาร์มที่แพลตฟอร์ม Defi ที่ไปเปิดให้ฟาร์มแพลตฟอร์มอื่นได้ แต่ก็ต้องเช็คพวกเรื่องเหรียญที่ต้องใช้เป็น Gas อย่าง Uniswap ก็ใช้ ETH แทน BNB)
16) หลังจากที่เข้ามาหน้าเว็บ PancakeSwap ให้คลิกไปที่ไอคอนเมนู
17) คลิกไปที่เมนู Farms เพื่อไปดูว่าเราจะใช้เหรียญคู่ไหน ซึ่งแต่ละคู่ก็จะมีบอกกว่าได้ผลตอบแทนต่อปี APR เท่าไร หรือมีโปรแถมเหรียญกี่เท่า ยกตัวอย่างคู่ Cake กับ BNB ที่กำลังจัดโปรอยู่ให้เหรียญถึง 40 เท่า แถมได้ผลตอบถึง 143.80%
18) ทำการเลือกคู่ที่ต้องการฟาร์ม โดยผู้เขียนขอเลือกคู่ LTC กับ BNB ดังนั้นด้วยที่ผู้เขียนมีเหรียญ BNB ที่โอนมาใน SafePal อยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ไปทำการเปลี่ยนเหรียญจาก BNB Swap ไปเป็น LTC เพิ่ม
19) ทำการเลือกเมนู Exchange
20) เปลี่ยนเหรีญจาก BNB เป็น LTC โดยการคลิกปุ่ม Swap ซึ่งผู้เขียนได้คำนวนแล้วจะทำฟาร์มจับคู่เหรียญ BNB และ LTC อย่างละ 300 บาท รวมเป็น 600 บาท ซึ่งผู้เขียนก็ได้คำนวนใส่ปริมาณตามเรียบร้อย
21) คลิก Confirm Swap พร้อมทำการจ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 5 บาท ซึ่งก็ถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับ Defi ที่ใช้ ETH ที่อาจจะโดนไปถึงครั้งละเป็น 100 บาทเลย
22) ถ้ากลับมาที่หน้า SafePal จะเห็นได้ว่าเหรียญ BNB เปลี่ยนเป็น LTC เรียบร้อย แต่ยังไม่จบเท่านี้ เราต้องทำการเชื่อมความสัมพันธ์ทั้ง 2 เหรียญ ด้วยการกดไปที่เมนู Liquidity
23) ทำการคลิกปุ่ม Add Liquidity แล้วเลือกคู่เหรียญและใส่ปริมาณที่ต้องการ โดยผู้เขียนเลือก BNB และ LTC
24) คลิกปุ่ม Approve LTC
25) ยืนยันอีกครั้งแล้วคลิกปุ่ม Supply แล้วปุ่ม Confirm Supply ตามลำดับ ซึ่งก็ต้องทำการจ่ายค่าธรรมเนียมอีกรอบ
26) หลังจาก Add Liquidity สำเร็จ ข้อมูลคู่เหรียญจะขึ้นเหรียญตามเหรียญ ซึ่งเราสามารถจะเพิ่มหรือถอนออกจาก Pool เพิ่มเติมได้ตามรูป
27) ตอนนี้เรามีคู่เหรียญใน Liquidity Pool พร้อมทำฟาร์มแล้ว ให้ทำการคลิกไปที่เมนู Farms อีกครั้ง
28) กลับไปที่คู่เหรียญเดียวกับใน Liquidity Pool แล้วทำการคลิก Unlock Wallet
29) เลือก SafePal Wallet
30) คลิกปุ่ม Stake LP
31) ใส่ปริมาณคู่เหรียญที่ต้องการฟาร์มจาก Liquidity Pool แล้วทำการคลิก Confirm จ่ายค่าธรรมเนียม เพื่อเริ่มทำการฟาร์ม เป็นการสิ้นสุดกระบวนการ
32) การฟาร์ม Cake ก็จะนับเป็น Real Time เลย ซึ่งถ้าได้ Cake แล้วก็จะมีตัวเลขขึ้นตรงที่วงตามรูป โดยเราสามารถเอา Cake หรือที่เขาเรียกกันว่าเก็บเกี่ยวออกมาได้ด้วยการกด Harvest ซึ่งถ้าเอาออกมาก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกนั่นแหละ ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าให้ได้ Cake มาได้เยอะๆก่อนแล้วค่อยเอาออกมาทีทีเดียว ถึงจะคุ้ม
33) แล้ว Cake ที่ได้ออกมาเราสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง..?
- อย่างแรก คือ เราอาจจะ Swap Cake ไปเป็นเหรียญอื่น หรือเราจะโอนกลับไปขายที่ Binance ก็ได้
- อย่างที่สอง คือ เอา Cake ไปลง Syrup Pool เพื่อไปเอาเหรียญต่อ (หลักการคล้ายในเมนู Farms แต่ไม่ต้องจับคู่เหรียญแล้ว)
- เอา Cake ไปเล่นลอตเตอรี่
34) สำหรับคนที่อยากเอา Cake ไปลง Syrup Pool สามารถเลือกไปได้ที่เมนู Pools
35) จะเห็นได้ว่ามีหลาย Pools ที่สามารถเอา Cake ลงได้ ซึ่งแต่ละ Pool ก็จะได้ผลตอบแทนที่เป็น Syrup ไม่เหมือนกัน โดยใครเป็นสาวก Cake พันธ์แท้ก็คงจะไม่พลาดลง Pool เหล่านี้ เพราะ ข้อดีของการลง Pool คือไม่ต้องโดน Impermanent Loss เหมือน Farm ทั่วไป แถมผลตอบแทนที่ได้ออกมาก็ค่อนข้างสูง (นอกจากนี้ Cake Pool ปัจจุบันมีลงแบบ Auto Compound ด้วยนะ หมายความว่า Cake ที่เราได้มาเป็นผลตอบแทน มันจะเอาไปทบต้น พร้อมคิดผลตอบแทนต่อไปให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียค่าแก๊สเอา Cake มาลง Pool ใหม่อีก ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุน Cake แบบระยะยาวเป็นอย่างมาก)
36) สุดท้าย สำหรับคนที่เป็นสายเสี่ยงดวง อยากลงล๊อตเตอรี่ ก็สามารถเข้าไปที่เมนู Lottery แล้วเอาเค้กไปลงได้เลย ซึ่งหลักการก็ง่ายๆเหมือนหวยบ้านเรานั่นแหละ โดยทุกครั้งก็อย่าลืมว่าเราจะทำอะไรในแอปทุกอย่างก็จะต้องมีค่าธรรมเนียมเสมอนะ
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วนะครับ การแนะนำก้าวแรกสู่การ Yield Farming ซึ่งเอาเข้าจริงยังมีเนื้อหาที่ต้องศึกษาอีกเยอะครับ โดยนอกจากการศึกษาผ่านการอ่านหรือการฟัง การลองไปลงสนามจริงเองก็ถือเป็นการศึกษาที่ดีเยี่ยมอีกอย่างหนึ่งครับ อย่างสำนวนที่ว่า สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น อย่างผมเองก็ต้องยอมรับเลยว่าเพิ่มลองมาได้ทำ Yield Farming ไม่นานมานี้เอง ถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัย ซึ่งผมก็หวังว่าบทความนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ให้เพื่อนๆหลายคนไม่มากก็น้อยนะครับ ก็เพื่อให้ผมมีกำลังในการสร้างบทความดีๆเหล่านี้ขึ้นอีก ใครผ่านมาใจดีๆว่างๆ ฝากกด Follow แอดเคาท์ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ^^