ทิวแมน เฟอติต้า (Tilman Fertitta) เศรษฐีชาวอเมริกันผู้เป็นเจ้าของและอยู่ตำแหน่ง CEO ของบริษัท Landry’s, Inc. หนึ่งในบริษัทที่ทำร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการเป็นเจ้าของทีมบาส NBA Houston Rockets ชื่อดังที่เพิ่งมีข่าวอื้อฉาวกับประเทศจีนไปนี่
ในปี 2020 ทิวแมน มีสินทรัพย์ถือครองทั้งสิ้น $4.2 พันล้าน (1.2 แสนล้านบาท) นั่นทำให้เขาเป็นหนึ่ง 150 บุคคลในอเมริกาที่มีฐานะดีที่สุด โดย Forb ให้ฉายาเขาว่าคือ “ผู้ทำร้านอาหารที่รวยที่สุดในโลก”
ยังไม่หมดเท่านั้น ทิวแมนยังเป็นเจ้าของเครือข่ายคาสิโนและโรงแรม รวมถึงยังผู้เขียนหนังสือ Shut Up and Listen ชื่อดัง และอื่นๆอีกมากมาย โดยก้าวแรกทำธุรกิจของเขาก็เริ่มจากการเปิดร้านอาหารเล็กๆเท่านั้นนี่แหละ ใครสนใจเรื่องราวของทิวแมนก็ไปอ่านต่อกันได้เลย!!
เรื่องราวอาณาจักรของทิวแมน เริ่มจากความฝันการเป็นเศรษฐีในวัยเด็ก
ในช่วงเวลา 40 ปี ทิวแมนได้สร้างอาณาจักรที่รวมไปด้วยธุรกิจร้านอาหาร, คาสิโน โรงแรม, เกมส์, กีฬา และอื่นๆ นอกจากนั้นเขายังเป็นนักธุรกิจชื่อดังที่มีรายการทีวีที่เอาไว้ใช้โปรโมทตัวเอง เมื่อเขาได้ทำธุรกิจใหม่หรือมีอะไรอยากอัปเดตให้โลกได้รู้
ทิวแมนเรียนปริญญาตรีจบจาก Texas Tech University และ University of Houston ในสาขาด้านธุรกิจและการจัดการด้านโรงแรม โดยเริ่มแรกเขามีธุรกิจครอบครัวเป็นร้านอาหารซีฟู้ดสาขาเดียวเล็กๆ ซึ่งเขาได้เริ่มเข้าสู่โลกของธุรกิจอย่างจริงจังตอนช่วงอายุ 20 ปี และใน 10 ปีต่อมาในช่วงปี 1986 เรื่องราวของอาณาจักรทิวแมนก็ได้เริ่มก้าวเดินจากความฝันวัยเด็กเมื่อเขาได้เข้าซื้อเครือร้านอาหารเล็กๆในฮูสตันชื่อดัง นั่นก็คือ Landry ที่เราได้ยินชื่อจนถึงทุกวันนี้นี่แหละครับ
เขาได้ใช้กลุยุทธ์คลาสสิคในการทำธุรกิจ นั่นคือการขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ ซึ่งก็สำเร็จเกินคาด เพราะ วันนี้ทิวแมนได้มีร้านอาหารเป็นของตัวเองถึง 522 ร้าน ที่รวมไปกว่า 60 แบรนด์ นอกจากนั้นเขายังได้ขยายธุรกิจจนเขาได้กลายเป็นเข้าของ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ 4 ที่, โรงแรม Hilton, Holiday Inn และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงเขายังมีธุรกิจดิวเลอร์ขายรถหรูชื่อดังอย่าง Bentley และ Rolls-Royce อีกด้วย
อีกหนึ่งธุรกิจที่ทิวแมนมองเห็นว่าไปได้ใกลนั่นคือธุรกิจ คาสิโน เริ่มต้นเขาได้ลงเงินในการซื้อคาสิโน Golden Nugget ที่ลาสเวกัสไปกว่า่ $320 ล้าน ในปี 2005 แต่ถึงกระนั้นด้วยที่เขาไม่มีประสบการณ์การทำธุรกิจคาสิโน หลังจากที่เข้าเจอวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 เขาก็ต้องเป็นหนี้ไปกับธุรกิจคาสิโนนี้แทน
ในวิกฤตย่อมมีโอกาส
ถ้าธุรกิจคาสิโนเขาทำรายได้ไม่ดีจนเป็นหนี้ ธุรกิจคาสิโนของคนอื่นเช่นกัน ทิวแมนยังไม่ยอมแพ้กัดฟันสู้เอาเงินลงทุนมายื้อธุรกิจคาสิโนต่อไป พร้อมยังไปซื้อคาสิโนที่เพิ่งล้มละลายเพิ่มไปอีก 3 ที่ ซึ่งพอผ่านวิกฤตการเงินไปได้ การลงทุนนี้ก็ถือว่าสำเร็จมโหฬาร เพราะ เงินที่เขาลงเสี่ยงลงทุนไปไม่เยอะ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ กำไรที่เป็นตัวเงินต่อปีกว่า $300 ล้าน ในรายได้ $1.1 พันล้าน
การลงทุนในทีม NBA Houston Rockets ก็เช่นกัน ในปี 2017 ทิวแมนสามารถทำสถิติปิดดีลซื้อแฟรนไชส์ NBA ที่เร็วที่สุดโดยใช้เวลาเพียงแค่ 50 วัน เท่านั้น ซึ่งตอนแรกราคาที่เขาเสนอซื้อไป คือ $1.7 พันล้าน แต่สุดท้ายเขาก็ถูกต่อรองขึ้นไปถึง $2.2 พันล้าน โดยทิวแมนก็ไม่สนใจและรับซื้อขอเสนอนั้นเพื่อสานฝันการมีทีมบาสเป็นของตัวเองทันที ซึ่งทิวแมนกล่าวว่า
“เงินแค่ไม่กี่ร้อยล้านเอง ลองดูสิ อีกสัก 10 ปี 20 ปี”
นอกจากที่ทิวแมนจะทำสถิติปิดดีลซื้อ NBA ได้เร็วที่สุดแล้ว เขายังได้สถิติใช้เงินซื้อทีม NBA ที่เปลืองที่สุดด้วย แต่ถึงใครจะว่ายังไง ในปัจจุบันปี 2020 ทีม NBA Houston Rockets ก็ได้มีมูลค่า $ 2.475 พันล้าน เกินกว่าที่เขาซื้อไปเกือบ $300 ล้านแล้ว XD
มีหลายคนกล่าวว่าทิวแมนเป็นคนที่ชอบทำอะไรหุนหันพันแล่นจนเกินไป เป็นคนที่ชอบทำอะไรตรงกันข้าม เมื่อเศรษฐกิจแย่ จะเป็นเวลาของทิวแมนที่เตรียมจะออกตัว ซึ่งทิวกล่าวถึงตัวเขาเองว่า
“ตัวผมมีมูลค่าถึง $5 พันล้าน วันนี้ได้ เพราะ ผมเป็นนักหาโอกาส”
ทิวแมนเชื่อว่าพระเจ้าส่งเขามาในโลกเพื่อที่ให้เขาเกิดมาเป็นนักธุรกิจ เขากล่าวในวัยเด็กของเขาอีกว่า
“ตอนเต็กผมไม่เคยนั่งดูการ์ตูนเลย ผมได้แต่ยืนแบกกระเป๋าทำงาน ช่วงวัยรุ่นผมรู้กระบวนการทุกส่วนงานแล้ว เริ่มตั้งแต่ในครัวยันหน้าบ้าน จนกระทั้งผมสามารถทำได้ด้วยตัวเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่คอยช่วยควบคุมเลย”
ทิวแมนเป็น CEO ไม่กี่คนในวงการที่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานในร้านอาหารในทุกแง่ทุกมุม เป็นผู้เชี่ยวชาญธุรกิจด้านร้านอาหารอย่างแท้จริง จนมีคนกล่าวว่า “คุณคงไม่มีวันที่ได้ไปร้านอาหารกับเขา และเขาไม่ได้สอนบทเรียนในร้านอาหารอะไรให้กับคุณหรอก”
คนที่อยู่กับทิวแมนมายาวนานจะรู้ว่าจุดแข็งของเขาไม่ใช่การสัญชาติญาณพนันหรอก แต่มันคือการใช้หลักการคิดแบบคณิตศาสตร์มาแก้ปัญหา
ทิวแมนมักมักพูดว่า
“จงรู้ตัวเลขของตัวเองซะ ถ้าคุณยังไม่เข้าใจในวิธีทำเงินหรือเสียเงินไปอย่างถ่องแท้
มันก็จะเป็นเพียงงานอดิเรกของคุณ ไม่ใช่ธุรกิจ และนั่นจะทำให้คนล้มเหลว
ถ้าคุณไม่มีงบการเงิน ก็เหมือนคุณไม่รู้อะไรเลย”
บทเรียนของทิวแมนในช่วง COVID-19
ถึงธุรกิจของทิวแมนจะสำเร็จมามากเท่าไร แต่พอเจอโรคระบาด Covid-19 ไปธุรกิจของทิวแมนก็เสียหายไปไม่เป็นท่า รายได้กว่า 95% ธุรกิจด้านโรงแรมและกีฬาของทิวแมนหายวับไปกับตาพนักงานกว่า 40,000 คน ต้องถูกให้ออก ธุรกิจที่ดูเหมือนว่าดีมาก่อนช่วง Covid-19 ก็ดูเหมือนว่ารายได้ก็เริ่มจะติดลบ แน่นอนจากผลลัพธ์นี้แสดงให้เห็นเลยว่าวิธีรับมือกับโรคระบาดโดยใช้วิธีการเดิมๆของทิวแมนนั้นใช้ไม่ได้ผล แล้วมันจะมีวิธีเพิ่มเติมอะไรบ้างละที่สามารถช่วยธุรกิจของทิวแมนนี้
อย่างแรก มันไม่มีหลักประกันอะไรมาช่วยล่วงหน้าในเรื่องโรคระบาดได้เหมือนที่ทิวแมนชอบเคยทำเรื่องหาหลักประกันเข้าไว้ เพราะทุกคนก็ล้มกันหมด แล้วทิวแมนควรทำอย่างไรละ
ทิวแมนควรลงทุนในร้านอาหารที่สามารถเปิดธุรกิจได้ดีในช่วงโรคระบาดมากกว่านี้ โดยร้านอาหารในเครือของเขาส่วนใหญ่เป็นแบบนั่งโต๊ะหมดเลย ถึงแม้ว่าทิวแมนจะสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยการขายอาหารส่งถึงบ้าน แต่ก็ไม่เหมือนพวกแบรรนด์ เช่น Domino Pizza ที่เป็นธุรกิจเหมาะกับส่งอาหารแบบกำเนิด หรือจะแบบพวก Ghost Kitchen ที่แบบไม่มีหน้าร้าน ใช้พวก Uber ส่งให้อย่างเดียว
นอกจากนั้นทิวแมนควรสำรองเงินสดในงบการเงินมากกว่านี้ สำนักข่าว Bloomberg กล่าวว่าเขาจะเงินสดสำรองที่เพียงพอทำให้หลายธุรกิจที่ปิดไปอยู่รอดได้ ถ้าก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้เอาเงินไปซื้อเครือร้านอาหารอย่างบ้าคลั่ง และใช้เงินไปกับเพิ่มเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น
ในธุรกิจคาสิโนเขาสามารถลดผลกระทบได้ ด้วยการทำคาสิโนแบบออนไลน์ ถึงแน่นอนว่ามันจะน้อยกว่าแบบปกติ แต่ก็ดีกว่าเป็นศูนย์เลย
โรคระบาดไม่ได้หยุดคนให้ดื่มไวน์ที่บ้าน ในธุรกิจเครือ Landry มีฐานลูกค้ากลุ่มที่ดื่มไวน์อย่างมากมาย ทิวแมนสามารถทำการขายไวน์ให้คนที่กำลัง Quarantine เหล่านี้ก้ได้
ในธุรกิจโรงแรม เขาอาจผันโรงแรมของเขาให้เป็นที่ Quarantine แทน อาจจะเป็นการโฟกัสคนที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่เสี่ยงมาก และอื่นๆอีกมากมาย
จะเห็นได้ว่าธุรกิจสายอาหารและบันเทิงได้รับผลกระทบจากโรคระบาด Covid-19 เป็นอย่างมาก สไตล์การทำธุรกิจของทิวแมนถึงจะมาไว แต่ถ้าเจอวิกฤตก็ไปไวด้วยเช่นกัน ซึ่งวิธีดั้งเดิมที่เคยสำเร็จ พอเวลาผ่านไปก็อาจจะใช้ไม่ได้ ก็ต้องมาดูต่อไปว่าทิวแมนจะปรับธุรกิจของเขาในอนาคตให้เดินหน้าไปได้อย่างไร
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วครับอีกตอน จะเห็นได้ว่าทิวแมนเป็นตัวอย่างการทำธุรกิจแบบคลาสสิคยุคเก่าที่ดีเลย ทำสายเปิดร้านอาหาร โรงแรม และด้านบันเทิงอย่างคาสิโน ทำการขยายๆไปเรื่อยๆจนสุดท้ายรวยเป็นหมื่นล้าน ซึ่งความสำเร็จของเขาouhผมว่าเกิดจากการที่เขาเป็นคนได้กล้าเสีย คิดไวทำไว ไม่มามัวนั่งรอคิด จนสุดท้ายโอกาสบินหายไป เป็นคุณสมบัติของผู้ประกอบการเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามการทำธุรกิจสายนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยงครับ ซึ่งเห็นได้ชัดเลยในช่วง Covid-19 ที่ทิวแมนยังทำการบ้านในการเตรียมตัวรับมือวิกฤตไม่เพียงพอ จึงได้รับผลกระทบจากวิกฤตไปเต็มๆ ดังนั้นเวลาทำธุรกิจอะไร เราอย่าลืมให้ความสำคัญการรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วยครับ ถึงแม้มันจะไม่มีทางป้องกันได้ 100% ซึ่งก็ดีกว่าไม่มี แต่ก็อย่ากลัวจนเกินไปจนเอาเวลาทั้งหมดลงไปกับสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นนี้ ดังนั้นเราต้อง Weight ให้ดีครับ พยายามขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องมีการกระจายความเสี่ยง ยิ่งธุรกิจที่เป็นแบบตรงกันข้ามยิ่งดี โอเครครับ ขอจบเพียงเท่านี้ แล้วเจอกันใหม่ครับ สวัสดีครับผม