โจเซฟ ไซ (Joseph Tsai) เขาคือใคร? วันนี้แหละทุกคนจะจำชื่อเขาได้ เพราะ เขาคือคู่หูแข้งทองของ Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน พร้อมทั้งยังเป็นเจ้าของทีม NBA Brooklyn Nets ซึ่งประวัติก่อนที่เขาสำเร็จน่าสนใจขนาดไหน ก็อยู่ตรงข้ามสุดขั่วกับ Jack Ma อะครับ Jack Ma เริ่มจากสมัครงาน McDonalds แล้วเขาไม่เอา ส่วนโจเซฟนี่ได้ทำงานประจำบริษัทระดับโลก แต่ดันลาออกมาทำงานกับคนไม่มีใครเอาซะนี่ เป็นอย่างไรบ้างครับ น่าสนใจไหมครับ ถ้าสนใจก็ติดตามกันต่อได้เลย
“ลาออกจาการงานระดับโลก เพื่อมาเสี่ยงสร้างธุรกิจที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”
ชีวิตการทำงานของโจเซฟอยู่เคียงข้างกับ Alibaba ตั้งแต่ต้นๆ ดั้งเดิมเขาเป็นชาวไต้หวันที่ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาจนจบปริญญาตรีด้านวรรณกรรมตะวันออกและกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Yale โดยหลังจากที่เขาได้ไปทำงานกับบริษัทลงทุนชื่อดังในฮ่องกงต่อสักพัก เขาก็ลาออกไปทำงานเคียงคู่กับ Jack Ma ในปี 1999
เอ้ะ แต่เดี๋ยวก่อน จากงานระดับโลก ไปทำงานกับ Jack Ma อย่าลืมนะครับว่าในช่วงปี 1999 ที่โจเซฟไปเจอกับ Jack Ma ตัว Alibaba ยังคงป็นแค่เว็บบอร์ดออนไลน์ง่ายๆที่ให้ Supplier จีนมาโพสขายของในกระทู้ให้ชาวต่างชาติเห็นเท่านั้น โดยช่วงที่โจเซฟเข้ามาก็เป็นช่วงที่เว็บเพิ่งเปิดไม่กี่เดือนเอง และใน Portfolio ของ Jack Ma ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆที่น่าสนใจกว่าอย่างบริการด้านแปลภาษา (Hope Translation) และบริการสร้างเว็บออนไลน์ (China Pages) ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากในการที่ให้คนลาออกจากบริษัทชื่อดังที่ได้รายได้กว่า $700,000 มาสร้างเว็บไซต์ที่ไม่รู้อนาคตอะไรใหม่
แล้วทำไมโจเซฟถึงตัดสินใจมาทำ Alibaba ละ มันเป็นเพราะ โจเซฟ เชื่อในความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี และเชื่อในตัว Jack Ma ซึ่งมันเหมือนกับเป็นการพนันกับ “สิ่งที่จะเกิดขี้นในอนาคต ไม่ใช่สิ่งที่กำลังมีอยู่ตอนนี้” โดยถ้าไม่ใช่คนมองการใกล จะไม่มีทางเลือกเส้นทางนี้แน่นอน
ด้วยการตัดสินใจของโจเซฟที่มาร่วมทีมเล็กๆกับ Jack Ma ในการสร้าง Alibaba ในปี 1999 การตัดสินใจนี้ก็ทำให้เกิดหนึ่งในเรื่องราวทางธุรกิจที่เยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยใน 17 ปีกับการเดินทางของโจเซฟไปกับ Alibaba ก็มีเรื่องราวของ
- การลงทุน $5 ล้าน จาก Goldman Sachs ที่ทำให้เว็บบอร์ดเล็กๆกลายเป็น บริษัทที่ยิ่งใหญ่
- การต่อสู้กับ Global Sources แพลตฟอร์มขายสินค้าตลาด B2B สัญญาติอเมริกัน ซึ่งช่วงนั้นอย่างเป็นการต่อสู้ในตลาดออฟไลน์กับ Alibaba เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อรายแรก
- การระดมทุนลุ้นระทึกในช่วงแรกที่ Alibaba ช่วงนั้นยังไม่มี Revenue Model อะไร ซึ่งสุดท้าย Alibaba ก็รอดพ้นจาก Internet Bubble ในปี 2001–2002 มาได้
- การออกตัวแบบลับๆ ของ Taobao ในปี 2003 (Alibaba เวอร์ชันแบบ C2C)
- การต่อสู้ที่โด่งดังกับ eBay
- การได้ดีลจาก Yahoo ในปี 2005
- ออก IPO เว็บ Alibaba.com ในปี 2007
- การเป็นพาร์ทเนอร์กับ Softbank
- เข้าสู่ตลาด B2C ในปี 2008 ด้วย Tmall
- การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล้ำยุคไม่ว่าจะเป็น Alipay, Ali Cloud และอื่นๆอีกกว่า 100 ชนิด
- การ IPO ปี 2014 ที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์
มันเป็นเรื่องราวการเดินทางของโจเซฟกับ Alibaba ที่วิเศษมาก โดยในช่วงที่เขาทำงานกับ Alibaba เขาเป็นชายคนเดียวที่เป็นที่ไปเรียนต่อนอกในฝั่งตะวันตก แถมยังยอมรับเงินเดือนเพียงแค่ $600 ต่อปีจาก Alibaba เท่านั้น (จากเดิมที่ลาออก $700,000)
โจเซฟเคยทำงานทั้งเป็น COO, CFO เป็นบอร์ดบริหารของ Alibaba โดยตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบันเขาก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารผู้ที่มีหุ้นของ Alibaba เยอะที่สุดรองลงมาจาก Jack Ma
ด้วยเงินที่มหาศาลจาก Alibaba นี้ แน่นอนว่าโจเซฟต้องเอาไปใช้อะไรบ้างละ ในปี 2019 โจเซฟได้เข้าซื้อทีมบาส NBA Brooklyn Nets ด้วยมูลค่ากว่า $2.3 พันล้าน และยังได้ไปเข้าซื้อสนามบาสของทีม Net ให้ครบเซ็ตที่มีมูลค่ากว่า $1 พันล้านอีก ซึ่งหลังจากที่โจเซฟซื้อทีมมา ทีม Brooklyn Nets ก็ได้มี Super Star สุดดังที่ได้เข้ามาใหม่ ทั้ง Kevin Durant และ Kyrie Iriving ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเข้ามาของโจเซฟหรือเปล่าแต่การย้ายทีมของ 2 Super Star มาที่ Brooklyn Nets นับว่าเป็นการเขย่าประวัติศาสตร์ของทีมให้ลุ้นแชมป์กันเลย
ในปี 2020 โจเซฟ ไซ มีสินทรัพย์ถือครองทั้งสิ้น $13.3 ล้าน (4 แสนล้าน) ด้วยวัย 56 ปี ซึ่งแน่นอนว่ามูลค่าสินทรัพย์ของโจเซฟก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขายังคงมีหุ้น Alibaba ธุรกิจครองโลกที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะหยุดโต โดยสุดท้ายโจเซฟได้ฝากบทเรียนการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างเขาดังนี้
- จงเรียนรู้ในวิธีการเรียนรู้: โจเซฟกล่าวว่า “ผมอยากให้คุณคิดแบบนี้ ความรู้ของคุณอาจจะล้าสมัย มันไม่ได้เกี่ยวกับได้คำตอบหรอก แต่มันเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบต่างหาก” เขาได้ยกตัวอย่างในวันที่เขาเรียนคลาสคณิตศาสตร์เป็นวันแรกกับคุณปาร์ค โดยคุณปาร์คได้วางเหยือกที่มีลูกกวาดไว้บนโต๊ะ และท้าทายนักเรียนในคลาสให้หาจำนวนลูกกวาดที่อยู่ในเหยือก ซึ่งแน่นอนว่านักเรียนบางคนก็ทำการเดา บางคนก็มานั่งนับ แต่โจเซฟคิดว่าเราอยู่ในคลาสคณิตศาสตร์ ดังนั้นเราก็ควรต้องใช้วิธีทางคณิตศาตร์คิดด้วย ซึ่งเขาได้แก้ปัญหาโดยใช้วิธีการคำนวนปริมาตรโดยใช้ขนาดโดยประมาณของเหยือกในการหาคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งโจเซฟย้ำว่าวิธีการหาคำตอบนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
- จงเรียนรู้ที่จะศึกษาและดูดซับมันจนเป็นองค์ความรู้: โจเซฟกล่าวว่าการสร้างองค์ความรู้ก็เหมือนการเล่นกีฬาที่พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เขาได้เชิญชวนให้นักเรียนที่เขาสอนให้คอยฝึกพัฒนาทักษะดั้งเดิมอย่าง การอ่าน, การเขียน, และการคำนวณ โดยโจเซฟกล่าวว่า “ความสำเร็จหลายอย่างของผมเกิดขึ้นมาจากการที่ผมเรียนรู้ในการเขียนนี่แหละ”
- การลองเรียนรู้สิ่งใหม่ เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ: โจเซฟเคยคิดว่าเขาเป็นนักกีฬาที่ดีคนหนึ่งในสมัยเรียน เขาสามารถว่ายน้ำได้ และยังเคยเข้าแข่งในลีคเบสบอลเล็กๆที่ไต้หวัน ด้วยเหตุนั้นโจเซฟได้ลองเข้าไปคัดตัวในทีมว่ายน้ำและเบสบอลที่ใหญ่ตอนที่อยู่ Yale แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ผ่านการคัดเลือกทั่งคู่ แน่นอนว่าเขาโกรธตัวเองมากกับความล้มเหลว จากนั้นเขาก็เลยสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมาเอง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกตัดตัวออกอีกนั่นแหละ ซึ่งประเด็นที่โจเซฟต้องการชี้คือบทเรียนในชีวิตของคนหลายๆคนมักเกิดขึ้นจากการลองทำในสิ่งใหม่ๆ ถึงคุณจะล้มเหลวไปไม่เป็นท่า แต่สุดท้ายคุณก็ต้องลุกขึ้นมา ยิ่งในโลกปัจจุบัน คุณควรต้องคอยพยายามทำสิ่งใหม่ๆตลอดเวลาด้วย
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วครับอีกตอนกับ โจเซฟ ไซ คู่หูแข้งทองของ Jack Ma เป็นอย่างไรบ้างครับ เพื่อนๆชอบโจเซฟตรงไหน สิ่งที่ผมชอบจากโจเซฟเลยคือ การกล้าที่จะตัดสินใจ ทิ้งสิ่งที่ดีอยู่แล้วเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งถ้าเขาไม่เก๋าจริง เขาก็คงไม่กล้าทิ้งงานเก่าหรอก ซึ่งด้วยผลคงความกล้านั้น ก็ทำให้เขากลายเป็นประวัติศาสตร์ เพื่อนๆที่อยากทำธุรกิจก็ลองทำตามดูครับ เผื่อจะประสบความสำเร็จแบบโจเซฟบ้าง ดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า โอกาสปลิวไปไวเหมือนลมกรด ถ้าไม่ยอมทิ้งอะไรบางอย่างและรีบคว้ามันไว้ โอกาสมันก็อาจถูกพัดปลิวไปในกลีบเมฆ ดังนั้นก็ลองดูกันครับ วันนี้ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณครับผม