EP 41: John Paul DeJoria จากคนไร้บ้านสู่ผู้สร้างอาณาจักรด้านเส้นผม
วันนี้นะครับผมจะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องราวของเศรษฐีชาวอเมริกันหมื่นล้านผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตภัณฑ์เส้นผมชื่อดัง John Paul Mitchell System และบริษัทเครื่องดืมแอลก์ฮอลล์เทคิล่า Patrón Spirits นั่นคือ จอห์น พอล ดีจอเรีย (John Paul DeJoria) ครับ ชายผู้เริ่มจากการไร้บ้านมาสู่เศรษฐี และ ณ ปัจจุบันแม้เป็นเศรษฐีแล้ว ก็ยังไม่เคยแตะคอมพิวเตอร์และการใช้อีเมลแม้แต่ปลายนิ้วเลย น่าสนใจไหมครับ ใครสนใจนักธุรกิจสายเรียบง่าย คนนี้ห้ามพลาดครับ เรามาลุยกันเลย
“ถึงแม้จะอยู่ในสถาการณ์ที่แย่เพียงใด เราก็ห้ามยอมแพ้”
จอห์น พอล ดีจอเรีย ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเมือง Texas โดยเขาเกิดในวันที่ 13 เม.ย. 1944 และปัจจุบันเขามีอายุถึง 76 ปี
ตั้งแต่ที่จอห์นเติบโตมา เขามีไลฟ์สไตล์แบบ “เริ่มต้นไม่มีมีอะไร แต่อยากได้อะไรต้องคว้ามาให้ได้” นั่นทำให้เขาเป็นคนที่มีหัวความก้าวหน้าสูงตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งช่วงแรกเขาอาศัยอยู่กับแม่ แต่พอแม่เลี้ยงดูเขาไม่ไหว เขาก็ถูกทิ้งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และในบางช่วงของชีวิตเขา เขาต้องนอนในรถเพื่อให้ชีวิตรอดๆไปวัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงชีวิตที่แย่ที่สุด จอห์นก็ไม่เคยยอมแพ้ โดยจอห์นกล่าวว่า
เส้นทางเดียวที่ผมเดินไปได้ คือการเดินไปข้างหน้า
แค่ตอนจอห์นอายุ 9 ขวบ เขาก็เริ่มทำการดิ้นรนขายการ์ดวันคริสมาสและหนังสือพิมพ์กับพี่ชายเพื่อมาช่วยชีวิตครอบครัวแล้ว
ตอนช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ในสมัยมัธยม เขาเป็นสมาชิกในแก๊งเด็กเกเร แต่สุดท้ายเขาก็กลับตัวหลังที่มีอาจารย์มาช่วยเตือนเขาจะไม่สามารถสำเร็จได้ในชีวิตถ้าเขายังไม่ล้มเลิกกับการทำอะไรที่แย่ๆ
หลังจากเรียนมัธยมจบ จอห์นก็เข้าไปเกณฑ์ทหาร 2 ปี และพยายามที่จะเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็เรียนไม่ได้เพราะไม่มีเงิน ด้วยเหตุนี้จอห์นจึงทำการหารายได้เพิ่มเติมโดยการรับงานเสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขัดห้องน้ำ, ขายสารานุกรม และเป็นเด็กปั๊ม
3 ปีครึ่งกับการขายสาราณุกรม
จอห์น ใช้เวลาหารายได้ในการเป็นพนักงานขายสารานุกรมเคาะประตูขายตามบ้านถึง 3 ปีครึ่ง ซึ่งการทำงานครั้งนั้นแม้เขาจะได้รายได้เพียงน้อยนิด แต่มันก็ทำให้เขาได้ประสบการณ์และรู้วิธีคุยกับคนหลังจากผ่านประสบการณ์โชกโชนมากว่าหลายประตู โดยจอห์นกล่าวว่า
การขายครั้งแรก ผมต้องไปเคาะประตูบ้านมากว่า 100 ประตู และสุดท้ายด้วยการลงเอยของคนทุกคนที่ปิดประตูไล่ต่อหน้าผม
เราต้องพร้อมกับการที่จะโดนปฏิเสธ พยายามทำตัวให้มีพลังในประตูบานที่ 101 เหมือนกับที่เราทำตอนประตูแรก “ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด”
โดนไล่ออกจากบ้าน
จอห์นโดนไร้บ้านครั้งแรกในช่วง 20 ปีต้นๆ โดยวันหนึ่งที่เขากลับมาที่อพาร์ทเมนต์ เขาได้พบลูกของเขาอายุ 2.5 ขวบ พร้อมกับจดหมายจากภรรยาข้างๆที่มีข้อความว่า
ฉันทำหน้าที่เป็นแม่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว มันน่าจะดีกว่าถ้าลูกอยู่กับคุณ ลาก่อน
แน่นอนว่าภรรยาของจอห์นก็ไม่ได้จ่ายค่าเช่าอพาร์ทเมนต์เลย นั่นทำให้จอห์นและลูกของเขาโดนไล่ออกจากอพาร์เมนต์
จากร้อยสู่ล้าน
จอห์นเริ่มเข้าสู่โลกในผลิตภัณฑ์ดูแลผมในบริษัท Redken Laboratories แต่ไม่นานเขาก็ถูกไล่ออก และเขาก็กลับมาเป็นพนักงานขายเคาะประตูอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนเดิม
โชคดีหลังจากนั้นไม่นานเขาได้พบกับเพื่อนของเขา พอล มิทเชล (Paul Mitchell) ผู้เป็นช่างทำผมระดับท๊อปช่วงนั้น ซึ่งในช่วงนั้นผลิตภัณฑ์ดูแลผมของพอลขายดีมาก แต่ติดปัญหาที่ว่าดันไม่มีคนกลับมาซื้อใหม่
จอห์นเห็นโอกาสจึงไม่รอช้าเสนอตัวเข้าไปช่วยพอลด้วยทักษะการขายของเขาที่เชี่ยวชาญมาจากการเคาะประตูมาเป็นหมื่นๆประตู ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผมของพอลและทักษะการขายของจอห์น นั่นทำให้พวกเขาเริ่มสร้างบริษัทไปด้วยกัน ซึ่งการผสมผสานที่ลงตัวของทั่งคู่ก็ไปด้วยสวยเกินคาด เพราะ ไม่นานที่เปิดบริษัทก็มีนักลงทุนที่อยากเอาเงินมาร่วมลงทุนด้วยจำนวนเงินมากถึง $500,000 แต่สุดท้ายดันเปลี่ยนใจ ไม่ลงทุนจริง
แต่ถึงกระนั้น สิ่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้จอห์นวิตกอะไร เขาและพอล ก็ยังคงทำธุรกิจต่อไปด้วยเงิน $700 ด้วยผลิตภัณฑ์ 3 ตัว แชมพู 1, แชมพู 2 , คอนดิชันเนอร์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ John Paul Mitchell Systems
เอาตัวให้รอด
วิสัยทัศน์แรกของ John Paul Mitchell Systems คือ “ต้องอยู่รอด” จอห์นกับพอลช่วงแรกตอนทำธุรกิจต้องการเพียงแค่ให้มีหลังคากันฝนกันแดดให้พวกเขา และมีอาหารให้ทานก็เพียงพอแล้ว ซึ่งถึงแม้เขาจะรู้ตัวว่าธุรกิจมันเดินทางไปอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ โดยจอห์นก็ทำแบบเดิม เดินเคาะประตูตามร้านทำผมไล่ขายผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆถึงแม้จะเจอคำปฏิเสธเท่าไรก็ตาม
เราทำได้!!
เวลาผ่านไปหลายปี จอห์นขายของไปเรื่อยๆแบบไม่รู้ตัวว่าได้เงินมาเท่าไร แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำมามันไม่เสียเปล่า เพราะ หลังจากที่บริษัทผ่านไปได้ 2 ปี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่หักไป เขาสามารถนำเงินจากการขายมาจ่ายได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังเหลือเงินเข้ากระเป๋าพวกเขาคนละถึง $2,000 จอห์นกับพอลที่มัวแต่ขายของ ไม่รู้ตัวเลยว่า John Paul Mitchell Systems ตอนนี้ใหญ่ขนาดไหน
ช่วงขาขึ้น
หลังจากที่ John Paul Mitchell Systems ได้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ จอห์นก็ได้เปิดบริษัททำเครื่องดื่มแอลฮอลล์เทคิล่าเพิ่มอีกตัว ในชื่อว่า Patrón Spirits ที่ประเทศเม็กซิโก โดยตัวเครื่องดื่มนี้ก็ผลิตออกมาได้ง่ายๆด้วยการใช้ขวดรีไซเคิลและน้ำที่เหลือจากการเพาะปลูก ซึ่งเครื่องดื่มแอลกฮอลล์นี้ก็ขายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่ากว่า 2 ล้านขวดต่อปี และนอกจากนั้น
ความสำเร็จของจอห์น
ปัจจุบันกลายเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยสินทรัพย์ถือครองทั้งสิ้น $3.2 พันล้าน (9.8 หมื่นล้านบาท)โดยจอห์นยังได้แบ่งเงินกว่า 50% ที่ได้จากการทำธุรกิจไปบริจาคช่วยโลก ซึ่งในปัจจุบันเขาได้ส่วนร่วมในกองทุนบริจาคถึง 160 กองทุน นับได้ว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่องและประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง
บทเรียนจากธุรกิจ
- จงชินกับการโดนปฏิเสธ
- พยายามเป็นสิ่งที่ดีที่สุดตลอดเวลา
- พยายามแบ่งปันกลับให้สังคมด้วย
- อย่ามัวไปยึดติดกับอดีต
“ความแตกต่างใหญ่ๆระหว่างคนสำเร็จและคนไม่สำเร็จ คือ การที่คนสำเร็จมักทำทุกสิ่งทุกอย่างที่คนไม่ประสบความสำเร็จเขาไม่ต้องการทำกัน
ไม่ว่าคุณจะอยู่ธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องแน่ใจว่า คุณภาพสินค้าของคุณนั้นดีจนต้องทำให้คนกลับมาสั่งเพิ่มหรืออยากทำธุรกิจกับคุณอีก
วิธีเหล่านี้ จะทำให้คุณได้ความยั้งยืน แม้คุณอาจจะไม่ได้เงินมากมายในการไปใช้ทำโฆษณาก็ตาม”
สรุปส่งท้าย
หัวใจหลักของการประสบความสำเร็จของจอห์นเลยก็คือ การไม่ยอมแพ้ แม้จะเจอคำปฏิเสธเท่าไรก็ตาม ทุกชีวิตต้องมีความดิ้นรน แต่เราดิ้นรนพอหรือเปล่า ดังนั้นวันไหนที่เราทำธุรกิจและเราจะเจออะไรแย่ๆ อย่ายอมแพ้ครับ แม้จะเจอคำปฏิเสธ ก็ยังคงต้องยึดมั่นและเดินหน้าต่อไป แล้ววันหนึ่งถึงฝั่งฝันครับ วันนี้ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ
สำหรัลคนที่สนใจเว็บไซต์ของ John Paul Mitchell Systems