ผมว่าทุกท่านคงรู้จัก Go Pro กันใช่ไหมครับ ใช่ครับวันนี้เราจะพูดถึงเรื่องราวของ นิค วูดแมน (Nick Woodman) ผู้ก่อตั้ง Go Pro สตาร์ทอัพสุดฮ็อตที่ใครต่างๆก็ต้องสนใจ ซึ่งเรื่องราวการสร้างธุรกิจของเขาก็ค่อนข้างน่าสนใจครับ และคนนี้เป็นคนที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จจากการใช้แพชชั่น ใครที่สนใจอย่ารอช้า ไปติตตามกันได้เลยครับ
ชายผู้ยอมทิ้งไอเดีย และเดินตามรอยแพชชั่น
นิค วูดแมน ชายผู้ที่มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา เริ่มจากพ่อเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทด้าน Investment Banking ในชื่อว่า Robertson Stephens และแม่เป็นคำทำบริษัท U.S. Venture Partners ซึ่งนิคเกิดที่แคลิฟอเนีย และเรียนมัธยมที่ Menlo School โดยตั้งแต่ที่เขาเรียน นิคก็ฉายแววความเป็นผู้ประกอบการแล้ว
ตอนสักช่วงมัธยมปลาย นิคได้ยอมเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้เล่นทีมอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียนมาขายเสื้อสร้างรายได้ให้ผู้ชมอเมริกันฟุตบอลแทน
เพื่อนหลายๆคนของเขาก็ต่างหาว่าเขาบ้า และบอกเขาอารมณ์แบบ “นิค นายทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ไม่เอาน่า” ซึ่งมันเป็นคร้้งแรกเลยที่นิคได้ทำอะไรแหวกแนวต่างจากชาวบ้านคนอื่นเขาจริงๆ
ต่อมานิคก็ได้ไปเรียนต่อปริญญาตรี ด้านทัศนศิลป์ ที่ University of California และจบออกมาในปี 1997 และหลังจากเรียนจบเขาก็ได้โอกาสเริ่มทำสตาร์ทอัพ
สตาร์ทอัพตัวแรกของเขาชื่อว่า EmpowerAll.com เป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกซ์ที่มีคอนเซปต์เราจะขายของถูกและบวกราคาไม่เกิน $2 และสตาร์ทอัพตัวที่สอง ชื่อว่า Funbug แพลตฟอร์มทางด้านเกมส์และการตลาดที่จะให้ผู้ชนะการเล่นเกมส์ได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน แต่สตาร์ทอัพ 2 ตัวนี้สุดท้ายก็ไม่ได้ออกไปตลาดจริงๆ เพราะ นิคคิดว่าสตาร์ทอัพ 2 ตัวนี้ยังไม่ใช่ ซึ่งเขากล่าวว่า
มันยังไม่ใช่แพชชั่นของผม นั่นมันคือการทำงาน!!
และนั้นทำให้เกิดสตาร์ทอัพจากแพสชั่นของนิคจริงๆในเวลาต่อมา นั่นคือ Go Pro
ไอเดีย Go Pro เกิดในช่วงที่นิคกำลังไปเที่ยวเล่นเซิร์ฟที่ประเทศออสเตรเลีย โดยเขาอยากถ่ายวีดีโอในช่วงที่เขากำลังเล่นเซิร์ฟ แต่มันถ่ายลำบากมากๆ และวีดีโอที่ออกมาก็ไม่ได้ดีด้วย และนั้นเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาก่อตั้ง Go Pro
ไม่รอช้า เขาคิดไอเดีย Go Pro ตัวแรก เป็นสายเข็มขัดที่ใช้รัดกล้องไว้ที่แขนเพื่อถ่ายวีดีโอระหว่างเราทำกิจกรรมผาดโผนต่างๆ ซึ่งเขาก็ได้ใช้เงินของพ่อจำนวน $200,000 และเงินของแม่ $35,000 พร้อมเครื่องเย็บผ้ามาเริ่มก่อตั้งธุรกิจ
กล้อง Go Pro เวอร์ชันแรกเป็นกล้องฟิลม์แบบ 35 mm ง่ายๆ โดยเขาจ้างบริษัทจีนชื่อว่า Hotax ในการสร้างกล้องด้วยต้นทุนเพียง $3.05 และเขาได้นำไปขายในร้านค้าต่อด้วยราคาถึง $30 และไม่นานเวอร์ชั่นต่อๆมาของกล้องก็เริ่มมีการพัฒนาในเรื่องการใช้ Wifi เรื่องกันน้ำและการเก็บข้อมูลวีดีโอโดยใช้ Micro SD Card ที่เราเห็นๆกันทุกวันนี้
แล้วเวลาบูมของ Go Pro ก็เกิดขึ้นในปี 2004 ที่นิคได้ออเดอร์จากประเทศญี่ปุ่นในการสั่งซื้อกล้อง 100 ตัว เพื่อไปใช้ในงานแสดงกีฬา
หลังจากกล้อง Go Pro ได้โปรโมตในงานนี้ ทุกๆปีตั้งแต่นั้นจนถึงปี 2012 มา ยอดขายของ Go Pro ก็เพิ่มขึ้นทวีคูณในทุกๆปี จนสุดท้ายกล้องถูกขายออกไปได้ถึงจำนวน 2.3 ล้านตัว
ด้วยความฮ็อตของ Go Pro ในช่วงสิ้นปี 2012 บริษัทไต้หวัน Foxconn ได้ทำการกว้านซื้อหุ้น 8.88% ของบริษัท Go Pro ด้วยมูลค่าถึง $200 ล้าน และนั่นทำให้มูลค่าบริษัท Go Pro ตอนนั้นพุ่งทะยานไปถึง $2.25 พันล้าน จนกลายเป็นยูนิคอน และนิคผู้ถือให้ใหญ่สุดก็ได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านตั้งแต่นั้น
ในปี 2014 Go Pro ได้เข้าตลาดหุ้น และในปีนั้นนิคก็ได้สร้างสถิติสูงสุดในการเป็น CEO ที่ได้เงินเข้ากระเป๋าตังตัวเองที่เยอะที่สุดในจำนวนถึง $235 ล้าน
ในปี 2015 ก็ยังเป็นช่วงพีคของ Go Pro โดยที่ Go Pro ก็ได้เป็นพาทเนอร์กับ NHL แต่ถึงยังไรก็ตาม ธุรกิจมีช่วงรุ่งก็มีช่วงร่วง ซึ่งปี 2016 ตลาดของ Go Pro ก็เริ่มอิ่มตัว และในช่วงปี 2016–2018 Go Pro ก็ได้มีการจ้างคนออกเป็นจำนวนมาก นั่นทำให้นิคถูกขนานนามว่าเป็น CEO ยอดแย่แห่งปี ในปี 2016 นั้น
ในปัจจุบัน นิค วูดแมน ถือครองทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น $800 ล้าน (2.4 หมื่นล้านบาท) ซึ่งลดลงไปอย่างมากในช่วงที่เขาอยู่ในจุดสูงสุดในปี 2015 ในตัวเลขที่ $1.75 พันล้าน ซึ่งนับได้ว่าเป็น Challenge ของยิ่งใหญ่ของนิค โดยจนถึงปัจจุบันนิคก็คงกัดฟันสู้ และพยายามนำพา Go Pro ให้กลับมารุ่งโรจน์ต่อไป
จะเห็นได้ว่าถึงว่าแม้ช่วงหลัง Go Pro จะค่อนข้างล้มเหลว แต่ช่วงก่อนหน้า Go Pro ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วมาก ซึ่งนี่คือเคล็ดลับการสร้าง Go Pro ให้ประสบความสำเร็จเร็วแบบนิค
- ทำตามแพชชั่น: นิคยอมทิ้งการเล่นในทีมอเมริกันฟุตบอลเพื่อมาทำตามแพชชั่น และไอเดียของ Go Pro จุดเริ่มต้นก็เกิดจากแพชชั่นของเขานี่เอง
- กลัวการล้มเหลว: เนื่องจากนิคได้บทเรียนในการทำสตาร์ทอัพล้มเหลวมา 2 ตัวแล้ว เขาจึงมีความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุให้เขาทำการหาทางทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ Go Pro เป็นแบบนั้นอีก
- หมกหมุ่นอยู่กับสินค้า: ในช่วง 4 ปีก่อนเกิด Go Pro นิคใช้เวลานั่งคิดถึงไอเดียของเขาในการสร้างสินค้าซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์แม้สักนาทีเดียว จนสุดท้ายออกมาเป็น Go Pro เวอร์ชั่นแรกที่เราเห็น
- เรียนรู้ในการขาย: มั่นใจได้เลยว่านิคมีความเป็นเซลแมนทั้งกายทั้งใจ เขาเชื่อในสินค้า เขาเชื่อ Go Pro เขาเริ่มเรีนรู้การขายตั้งแต่สมัยมัธยม นั่นเป็นเหตุให้ใครก็หันมาเชื่อสิ่งที่เขาพูดและซื้อ Go Pro ของเขา
- วิวัฒนาการ หรือ ตาย: Go Pro ใช้ถึงเวลา 10 ปี จากการเปลี่ยนกล้องจากเวอร์ชันแรกที่เป็นกล้องฟิลม์เห่ยๆ กลายเป็นกล้องดิจิทัลแบบ Full HD ซึ่งแน่นอนการที่เขากล้าที่จะเปลี่ยนทำให้เขาประสบความสำเร็จ แต่ถ้าไม่นั่น Go Pro ก็คงตายจากไปตั้งแต่นั้น โดยบทเรียนนิคก็กำลังพยายามนำมาใช้ในปัจจุบัน
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไรบ้างครับกับประวัติของ นิค วูดแมน สิ่งที่ผมชอบของนิคเลยคือเรื่องการทำตามแพชชั่น ลองคิดสิครับ การที่เราได้ทำอะไรที่ชอบพร้อมกับได้เงินจำนวนมหาศาลกลับมาด้วยจะเป็นอะไรที่สุขขนาดไหน ซึ่งนิคคนนี้เขาทำได้ครับ และนั้นเป็น Secret Sauce เลยที่ทำให้ธุรกิจเขาไปได้ใกล แต่ก็อะนะครับ ในปัจจุบัน Go Pro ก็กำลังเจอฝากหนามครั้งยิ่งใหญ่ ยิ่งโดนเรื่องโควิดไปอีก เราก็ต้องลุ้นกันครับว่าครั้งนี้นิคจะสามารถทำให้ Go Pro วิวัฒนาการได้เปล่า หรือจะปล่อยให้ตายจากไป ถ้านิคทำให้ Go Pro วิวัฒนการได้ มันจะเป็นบทพิสูจน์ว่า นิค วูดแวน คือบุคคลในตำนานของจริง
