Chris Sacca | Bryan William Jones

EP 37 : Chris Sacca ผู้ลงทุนใน Startup เพียวๆจนรวยหมื่นล้าน

Nut P
3 min readOct 31, 2020

คริส แซกก้า (Chris Sacca) ชายผู้เริ่มต้นมาจากการเรียนสายกฎหมาย ไปสู่นักลงทุนในสตาร์ทอัพระดับเริ่มต้น (Seed) จนรวยเป็นระดับหมื่นล้าน คริสได้ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นที่หลายต่างคนไม่เชื่อว่ามันไม่น่าจะมีอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Kickstater, Twitter, Uber, Stripe และ Instragram แล้ววันนี้ธุรกิจเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้างครับ!? โห นี้มันธุรกิจสตาร์ทอัพระดับเซียนหมดเลยนิหว่า!! วันนี้เราจะมาดูประวัติของคริสกันว่าก่อนที่เขาจะมาถึงจุดนี้เขาทำอะไรมาบ้าง และเคล็ดลับอะไรที่ทำให้เขามีสายตาที่เฉียบแหลม และกล้าที่เสี่ยงจะลงทุนในธุรกิจที่แทบจะยังไม่มีอะไรเลย ใครที่กำลังหาวิธีช่องทางเป็นเศรษฐีใหม่ อันนี้ก็เป็นอีก 1 ช่องทางที่ปัจจุบันเขานิยมชอบทำกันครับ และ คริส แซกก้า ก็เป็นระดับเซียนของคนทำสายนี้แล้ว ใครที่สนใจ อย่ารอช้าครับ ไปอ่านกันต่อได้เลย XD

คริส แซกก้า เป็นชาวอเมริกันเกิดในปี 1975 ที่เมือง Buffalo โดยที่มีพ่อของเขาทำอาชีพอัยการและแม่ของเขาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย ซึ่งคริสได้จบปริญญาตรีด้าน Foreign Service และ กฏหมาย จากมหาวิทยาลัย Georgetown

ความสามารถในการเป็นนักลงทุนของเขาฉายแววตั้งแต่อยู่ในช่วงสมัยเรียน คริสได้ใช้เงินที่กู้มาเพื่อจ่ายค่าเทอมในการเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยไปลงทุนในหุ้น โดยช่วงนั้นในปี 1998 เขากล่าวว่าเขาได้พบช่องโหว่ของระบบเทรดหุ้น และนั้นทำให้เขาสามารถเปลี่ยนเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงประมาณ $1 หมื่น ให้กลายเป็นเงิน $12 ล้าน ได้ภายในเวลา 2 ปีเลยทีเดียว

แต่ถึงกระนั้นการลงทุนมักมีความเสี่ยง มีช่วงรุ่ง ก็ต้องมีช่วงริ่ง คริสกล่าวว่าหลังจากที่เขาดีใจได้ไม่นาน ตลาดหุ้นก็กลับมาพัง จากพอร์ทที่บวก $12 ล้าน ก็กลายเป็นลบ $4 ล้าน แทน ซึ่งนั้นก็เป็นหนึ่งบทเรียนจากการลงทุนของเขา โดยกว่าเขากล่าวว่ากว่าเขาจะกลับมาคืนทุนอีกทีก็ช่วงในปี 2005 เลย

ในปี 2000 ช่วงที่คริสเพิ่งกำลังมีพอร์ทมูลค่า $12 ล้าน ใหม่ๆ เขาได้เข้าไปทำงานเป็น Venture Capitalist ที่ Silicon Valley ในบริษัท Fenwick & West ซึ่งเขาก็ได้มีโอกาสได้ไปคุยกับหลายบริษัท แต่ไม่นานพอไปได้สัก 1 ปีเขาก็ถูกเลย์ออฟออก และก็มาทำงานฟรีแลนซ์เป็นของตัวเองใน Silicon Valley แทน โดยไม่นานเขาก็ได้เปิดบริษัท ที่ชื่อว่า Speedera Networks ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการหาคนมา Networking โดยเฉพาะ

ด้วยความสามารถของคริส ในปี 2003 เขาได้ถูกจ้างให้เข้าไปทำงานใน Google ในทีม Legal และ Business Development ซึ่งคริสก็สามารถทำผลงานใน Google ได้อย่างดีเยี่ยม และได้ช่วยให้ Google Acquire บริษัทฯใหม่ๆได้หลายบริษัท โดยเขาได้เป็นพนักงานกลุ่มแรกที่ได้รับรางวัล Founders’ Award ซึ่งเป็นการยกย่องสูงสุดจาก Google ที่ให้แก่พนักงานแล้ว

ระหว่างช่วงที่อยู่ Google คริสก็ได้มีการเริ่มเอาเงินของตนเองไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือ ที่เราเรียกกันการว่าเป็น Angel Investor โดยธุรกิจแรกที่เขาลงชื่อว่า Photobucket ซึ่งถูกขายออกไปทีหลังในปี 2007 และต่อมาธุรกิจที่สองที่เขาลงทุนคือ Twitter โดยช่วงนั้นโชคดีที่คริสได้ไปรู้จัก 1 ใน Co-founder ของ Twitter อีวาน วิลเลี่ยม (Evean Williams) ในช่วงกำลังเพิ่งสร้าง Twitter ใหม่ๆในช่วงปี 2006 พอดี ซึ่งตอนนั้น Twitter ยังเป็น Blog เล็กๆที่ใช้ชื่อว่า Twttr ซึ่งอีวานก็ได้ชวนคริสเข้ามาลงทุน และด้วยที่คริสเห็น Potential ของธุรกิจ เขาก็ได้ลงทุนด้วยเงินจำนวน $25,000 อย่างไม่ลังเล และเป็นผู้ใช้งานคนที่ 102 ของ Twttr นี้

คริสกล่าวในงานสัมภาษณ์กับ Forbes ว่า

ผมเสียเวลาเป็นเดือนเลยในการพูดให้คนเชื่อว่า Twttr ที่ผมลงทุนไปมันเป็นธุรกิจของจริง ไม่ใช่แค่ของเล่นที่เอาไปฆ่าเวลา

หลังจากนั้นไม่นาน คริสก็ได้เข้าซื้อหุ้น Twitter เพิ่มเข้าไปอีก โดยเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นเงินจำนวน $5 ล้าน พร้อมกับการลาออกจาก Google ในปี 2007 เพื่อที่จะได้มาลงเวลากับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เขาลงทุนไปอย่างเต็มตัว

ในปี 2010 คริสได้ก่อตั้งบริษัท Lowercase Capital LLC ในแคลอฟิเนีย เป็นบริษัทที่เปิดมาเพื่อมีเป้าหมายในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพระยะเริ่มแรกโดยเฉพาะ ซึ่งเงินกองแรกจำนวน $8.4 ล้าน เขาได้ลงทุนไปในบริษัท Uber, Docker, Optimizely, StyleSeat, Instagram, และ Twitter ก็ไม่รู้ว่า คริส เป็นหมอดูหรืออะไร เพราะ บริษัทเหล่านี้ล้วนแต่บริษัทชื่อดังที่เรารู้จักกันทั้งนั้น ซึ่งการเสียเงินเพียงแค่ $8.4 ล้าน และได้หุ้นของบริษัทพวกนี้ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

ระหว่างทางนั้น คริส ก็ได้มีการลงทุนในสตาร์อัพชื่อดังอีก ไม่ว่าจะเป็น Kickstarter, Twilio Lookout และสตาร์อัพอื่นๆ รวมถึงซื้อหุ้น Twitter เพิ่มด้วย จนสุดท้ายในช่วงปลายปี 2013 มูลค่าของกองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพในบริษัทของคริสนั้นกระโดดไปถึง $1 พันล้าน เพราะ สตาร์ทอัพที่เขาลงทุนไปต่างก็เริ่มออกผล และ Twitter ก็ได้เข้าไปในตลาดหุ้น ด้วยที่กองทุนของคริสถือครองหุ้น Twitter มากถึง 18%

ในปี 2015 ตัวกองทุนก็ขยายเพิ่มขึ้นไปอีกไม่ว่าจะเป็นการมีหุ้นของ Uber ถึง 4% และการงอกเงยของมูลค่าของ Stripe, Lookout และ WordPress โดยทาง Forbes ได้คำนวนคร่าวๆว่าปีนั้น เฉพาะ คริส คนเดียว ไม่ได้รวมมูลค่าทั้งกองทุนของบริษัทที่ลงในสตาร์ทอัพนะ เขาได้มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครองเป็นของตนเองทั้งสิ้นกว่า $1.2 พันล้าน (37,000 ล้านบาท) แค่เฉพาะ Twitter ที่ลงทุนไป ก็ได้เงินลงทุนกลับคืนกว่า 1,500% แล้ว ก็ไม่แปลกเลยที่คริสจะรวยถึงขนาดนี้ โดย Forbes ได้ยกย่องว่ากองทุนในบริษัท Lowercase Capital LLC ของคริสเป็นกองทุนที่สำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในการลงทุนกับสตาร์อัพระดับเริ่มต้น (Seed)

Chris Sacca in Forbes Magazine | Forbes

ใครต่างก็สงสัยว่าคริสมีวิธีการเลือกลงทุนในสตาร์ทอัพระดับเริ่มต้นที่ไม่มีอนาคตอย่างไร เพราะ สตาร์อัพที่เขาลงทุนไปแต่ละตัว เติบโตแบบก้าวกระโดดและกลายเป็นยูนิคอนแล้วทั้งนั้น โดยคริสได้ฝากบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในการลงทุนในสตาร์ทอัพของเขา 10 ข้อ

1) อยู่แบบมัธยัสธ์ก่อน แล้วคุณจะมีทางเลือกและอิสละมากกว่าในอนาคต

คริสกล่าวว่าเขามีช่วงลำบากมาก่อน ในปัจจุบันเขาจึงมีอิสละและสามารถเอนจอยกับชีวิตได้ เขายังได้กล่าวอีกว่ามันไม่มีสูตรตายตัวที่สามารถเลียนแบบแล้วเป็นแบบเขาเลยได้หรอก แต่สิ่งที่ควรทำเลยช่วงแรกคือควรเก็บเงินและลงทุน มากกว่าการใช้ไปเอนจอยกับชีวิต

2) ลงทุนในบริษัทที่คุณสามารถให้คุณค่ากับมันได้

ปกติถ้าเราทำงาน ก็คือการทำงานตามที่สั่ง ซึ่งหลายคนต่างเข้าใจผิดและใช้วิธีเดียวนี้กับเรื่องลงทุน เราไม่สามารถลงทุนในทุกบริษัทที่เราชอบได้ นอกจากการลงแค่เงินไปในบริษัท เราควรให้เวลาและไอเดียของเราเพื่อบริษัทนั้นด้วย ซึ่งสิ่งนั้นมันจะทำให้บริษัทที่เราลงทุนพัฒนา ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การซื้อหุ้นแล้วเฝ้าดู

3) ภูมิใจในสิ่งที่คุณทำ ยึดมั่นกับสิ่งที่คุณพูด

เมื่อคริสตัดสินใจทำอะไร เขาจะทำมันจนสำเร็จ เคล็ดลับเลยคือ เชื่อมั่นในตัวเอง อย่าให้อะไรมารั้งคุณ นอกจากนั้น ควรทำการบ้านศึกษามาก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจทำหรือลงทุนอะไร

4) ความเรียบง่าย ยากที่จะสร้าง และความยาก ง่ายที่จะก่อ

กล่าวว่ามันจะเป็นอะไรยากมากในการหาคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคริส ทั้งๆที่เขามีทุกอย่างครองไว้ในมือแล้ว เวลาสร้างธุรกิจก็เช่นกัน เราควรสร้างจากอะไรที่มันง่ายๆ อย่าฝืนไปทำอะไรที่ซับซ้อน สิ่งนี้เราควรบาลานซ์ในธุรกิจให้ดี

5) เรื่องเล่าที่ดี ชนะ เทพ Excel

คริส เชื่อในคำถาม ว่า “ทำไมต้องทำ” มีความสำคัญมากกว่า “ต้องทำอย่างไร หรือ เรากำลังทำอะไรอยู่” การเล่าเรื่องมันขายได้ แต่ Excel มันไม่ ซึ่งทักษะการทำ Excel มันอาจจะช่วยให้คุณได้งานนะ แต่ทักษะการเล่าเรื่องมันช่วยให้คุณเจอนักลงทุนในธุรกิจของคุณ พยายามฝึกทักษะในการเล่าเรื่องและการสื่อสารด้วยอารมณ์ ยิ่งคุณมั่นใจในตัวเองมากเท่าไร จะยิ่งมีคนเชื่อคุณ และทำให้คุณไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น

6) จงกลายเป็นนักเล่าเรื่องที่เยี่ยมยอดที่สุด

คริสให้คำแนะนำตลอดอยู่ว่าเราควรโฟกัสไปกับการขายตัวเอง ไม่ใช่การขาย Product พยายามให้มีวิสัยทัศน์ที่กระจ่างอยู่ในหัวของเรา และทำให้เหล่านักลงทุนรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ และต้องมีตัวเลขทางธุรกิจของเราในหัวตลอดเวลา นอกจากนั้นเราต้องรู้ถึงความเคลื่อนไหวของคู่แข่งธุรกิจของเราตลอดด้วยนะ

7) คุณถูกอนุญาติให้ทำผิดได้

ในช่วงอายุ 25 คริส ก็ได้มีเงินติดลบ $4 ล้าน จากการตัดสินใจผิดพลาดในการลงทุนในหุ้น แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะยอมแพ้ เขาทำอะไรผิดพลาดหลายครั้ง แต่คงยังคงเดินหน้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยทำํธุรกิจลงทุนต่อตลอดมา จนสุดท้ายคริสสามารถประสบความสำเร็จได้จนถึงปัจจุบันนี้

8) ความทะเยอทะยานที่ไร้ขอบเขต

เราไม่ควรมีข้อจำกัดในความทะเยอทะยานในการที่เราอยากจะประสบความสำเร็จอะไรในชีวิต การสร้างไอเดียอะไรมาหนึ่งอัน มันไม่มีถูกหรือผิดหรอก แค่ไอเดียที่คุณอยากจะรวยมันไม่ได้ทำให้คุณไปไหนได้ คุณต้องมีเป้าหมายที่ไปใกลกว่านั้นเพื่อที่คุณจะได้ประสบความสำเร็จ

9) ซื่อตรง

คริสถูกกล่าวขานว่าเป็นคนที่รู้สึกไม่มีความมั่นคงในชีวิตตลอดเวลา จนหลายคนเข้าผิดว่าเขาเป็นคนขี้อาย ในทางตรงกันข้าม คริสเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมากและเข้ากับคนง่าย แต่ก็เขาก็ไม่ชอบคนที่มาหักหลังนะ ซี่งเขาเชื่อในความสัมพันธ์แบบซื่อตรง เขาจะพยายามสร้างมันกับคนที่เขาอยากทำงานด้วย

10) เสียงจากคนภายใน ทำให้คุณมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ในช่วงชีวิตของเขา คริสเชื่อเรื่องการแบ่งปันคุณค่าให้แก่คนอื่น ซึ่ง Feedback ต่างๆที่เขาได้รับนั้นส่วนมากมาจากคนภายใน หรือคนที่มีความจงรักภักดีแก่เขาและเชื่อเขาจริงๆ โดยเขาจะไม่ค่อยเชื่อเสียงภายนอก ซึ่งเสียงภายในนี้มันช่วยเป็นสิ่งที่คอยตอกย้ำเขาให้มีความมั่นใจในสิ่งที่เขากำลังทำมากขึ้น

สรุปส่งท้าย

จบไปแล้วครับอีกตอนกัย คริส แซกก้า ผู้มีสายตาเฉียบแหลมในการลงทุนในสตาร์ทอัพ ซึ่งสิ่งที่ผมรู้เลยว่าทำไมในพอร์ตที่ลงทุนของเขาจึงประสบความสำเร็จ เพราะ เขาคุยกับคนเยอะครับ ยึดมั่นกับสิ่งที่ตนเชื่อ และกล้าที่จะลงทุน ถ้าเราคิดว่าทำการบ้านมาดีแล้ว อย่าให้น้ำลายจากใครบางคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาทำลายโอกาสอันมีค่าของเรา เหมือนกับคริสครับ ตอนลงทุนใน Twitter หลายคนต่างก็บอกเขาว่าบ้า แต่สุดท้ายเป็นอย่างไรละ วันนี้อึ้งไปกันหมด เราเป็นคนกำหนดชีวิตของเราเอง คนอื่นไม่ได้เป็นคนกำหนด โอเครครับ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ แล้วเจอกันตอนหน้านะครับ ขอบคุณครับ

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet