EP 3 : Ring สตาร์ทอัพ Home Security ที่ Amazon ซื้อไปพันล้าน

Nut P
3 min readJan 18, 2020

“I think the only way to fail is to stop, and so because of that I’m just not willing to stop.”

ใครจะไปรู้ว่าจากคนเกือบถังแตกในวันนั้น จะกลายเป็นเศรษฐีพันล้านในวันนี้ เพียงแค่ฝืนโชคชะตาในการไม่ยอมแพ้ เพียง 5 ปีจากการถูกปฏิเสธ เขาคนนั้นสามารถขายบริษัทฯให้ Amazon และกลายเป็นเศรษฐีพันล้านในที่สุด เรากำลังพูดถึงเขาคนนั้นครับ Jamie Siminoff ผู้เป็น Founder ก่อตั้งบริษัท Ring Inc. บริษัท Startup ด้าน Home Security ไฟแรงที่กำลังเติบโตเร็วที่สุด

Jamie พื้นฐานเป็นเพียงแค่พ่อบ้านอเมริกันผู้ชื่นชอบการทำสิ่ง DIY ในโรงรถ ในแต่ละวันเขาจะชอบคิดค้นไอเดีย และประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้บูมและไม่ได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Home Security ใดๆ ซึ่งเขาว่ากันว่าสิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลกมักมากับความบังเอิญ และนั่นก็เกิดขึ้นกับ Jamie

วันหนึ่งในปี 2011 ระหว่างที่ Jamie กำลังนั่งประดิษฐ์ชิ้นงานในโรงรถ ด้วยที่จากหน้าบ้านและโรงรถอยู่ห่างกันค่อนข้างใกล เขาเลยรู้สึกขี้เกียจที่จะเดินกลับไปที่บ้านในการไปเช็คว่ามีใครมาส่งของหรือมีเพื่อนบ้านมาทักทายหรือเปล่า เขาเลยมีไอเดีย “เอ้ะ…เราน่าจะมีอะไรบางอย่างเช็คคนหน้าบ้าน โดยดูทางใกลจากโรงรถได้” นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของ “Ring”

Soruce: https://ring.com/

Ring เป็นกริ่งประตูหน้าบ้าน (Doorbell) อัจฉริยะ ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ เมื่อมีคนมาอยู่หน้าบ้าน ตัวกล้องจาก Ring จะจับการเคลื่อนไหวของคนนั้น และส่งการแจ้งเตือนไปที่โทรศัพท์มือถือ เพื่อที่ให้ผู้ได้รับการแจ้งเตือนสามารถสื่อสารบนโทรศัพท์ผ่าน Ring ไปหาคนอยู่หน้าบ้านได้เลย ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีเพื่อนมาถึงบ้าน แต่เราไม่อยู่บ้านก็สามารถบอกเพื่อนบ้านว่าอีกทีจะกลับมาเมื่อไร หรือจะตอนที่คนมาส่งของหน้าบ้าน แต่เราไม่ว่างลงมาที่จะมารับของทันที ก็สามารถสื่อสารได้แบบ Real Time ก่อนที่คนส่งของจะหนีกลับไป หรือถ้าจะให้มองด้าน Security ที่เป็นเหตุผลทำให้ Ring เป็นสิ่งพิเศษ นั่นคือการไล่โจรครับ เขาว่ากันว่าร้อยทั้งร้อยก่อนที่โจรมาทำการปล้น โจรเหล่านั้นมักจะมาที่หน้าประตูบ้านเพื่อเช็คลาดเลาว่ามีคนอยู่หรือเปล่า และ Ring ที่มีความสามารถในการจับ Movement และในการสื่อสารจากทางใกล ดังนั้นเมื่อมีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนหน้าบ้าน เราสามารถใช้เสียงผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อทำให้คนเหล่านั้นตกใจและหนีไปในทันที วีดีโอด้านล่างก็จะช่วยเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น

ความน่าสนใจของ Ring คือ เป็นสินค้าที่มีคอนเซปต์ง่ายๆ แต่สามารถตอบ Pain Point ของผู้ใช้ได้อย่างจริงจัง รวมถึงยังสามารถออกสินค้าสู่ตลาดในช่วงที่เหมาะเจาะตอนที่ Smart Phone กำลังพึ่งบูมพอดี โดย Revenue Model เมื่อมองๆกว้างอาจจะคิดว่าช่องทางรายได้ที่มีมูลค่าของ Ring คือ กำไรจากการขายเครื่อง แต่ไม่ใช่ครับ ช่องทางที่มีมูลค่าจริงๆ คือ การเช่า Cloud เก็บ VDO ซึ่งรายได้นี้เกิดจากการ Subscription ที่ผู้ซื้อแทบทุกคนต้องจ่ายทุกเดือน นับว่าเป็นรายได้ที่มั่นคง และตอบโจทย์ธุรกิจในยุคนี้มาก โดยปัจจุบัน Ring ยังมีสินค้าอีกมากมายในด้าน Home Security และ Smart Home สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของ Ring ด้านล่าง

เหมือนสินค้าจะดีเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะเดินทางได้สวยงามไปตลอดรอดฝั่ง หลังจากที่ Jamie ดำเนินธุรกิจไปได้ประมาณ 2 ปี เงินทุนของเขาก็เริ่มหมด แม้ธุรกิจเขาจะเติบโตเร็วเพียงใด ถ้าขาดเงินทุนที่มากพอ ธุรกิจนั้นก็จบกัน Jamie จึงได้ไปขึ้น Pitch ขอทุนในรายการ Shark Tank แต่เส้นทางของ Jamie ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในวันนั้นเขาได้ไป Pitch ให้นักลงทุนชื่อดัง 4 คน และได้ถูกปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เวลาและเงินทุนกว่า $10,000 ในการเตรียมตัวเข้ารายการของเขา ก็ต้องสูญไปกับการคว้าน้ำเหลว (แต่เดิมชื่อ DoorBot และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Ring ภายหลัง)

โชคดีที่ Jamie ยังกัดฟันสู้ต่อความยากลำบากต่อไป ในปี 2015 Richard Brandson เจ้าของสายการบิน Virgin ได้เห็นศักยภาพของ Ring และได้ทำการลงทุนในบริษัทฯ นับเป็นอีกก้าวใหญ่ทำให้ Ring เติบโต

แต่ถึงกระนั้น การได้รับทุนครั้งใหญ่ มักมาพร้อมกับภาระอันใหญ่ยิ่ง Jamie กล่าวว่าในช่วงปี 2015 ถึง 2017 เป็นช่วงที่หนักที่สุด แม้เขาท้ออยากจะเลิก ก็เลิกไม่ได้ ถ้าเขาเลิกเขาคงต้องสูญเสียบ้าน รวมถึงเขายังมีลูกอายุ 3 ขวบที่ต้องดูแล ดังนั้นสิ่งที่ Jamie ทำได้อย่างเดียวคือการมุ่งไปข้างหน้า และตื่นตี 3 ขึ้นมาทำงานด้วยน้ำตาทุกวัน

ซึ่งความใจสู้ของ Jamie ก็ได้รับการตอบรับ ในช่วงเดือน ก.พ. ปี 2018 Amazon ได้เขามาซื้อบริษัท Ring Inc. ด้วยมูลค่าประเมินกว่า $1.2 พันล้าน ทำให้ Jamie กลายเป็นเศรษฐีช่วงข้ามคืน

Jamie ผู้ที่ถูกสลับตำแหน่งกลายเป็นนักลงทุนใน Shark Tank / Source : Eric McCandless | Contributor | Getty Images

จากผู้ถูกปฏิเสธลงทุนในรายการ Shark Tank ใครจะไปรู้ว่าในปัจจุบัน Jamie ได้นั่งเก้านักลงทุนในรายการ Shark Tank เอง นับว่าการเดินทางครั้งนี้ของ Jamie ค่อนข้างพบจุดจบที่สวยงาม ซึ่งจุดจบอันสวยงามนี้ก็เกิดมาจากนิสัยความใจสู้ของ Jamie นั่นเอง โดย Jamie กล่าวว่า

“It might be the competitive side of me or something, I’m just not willing to fail,” he explains. “I think the only way to fail is to stop, and so because of that I’m just not willing to stop.”

“มันอาจเป็นเพราะนิสัยของผมที่ชอบการแข่งขัน ผมเลยไม่อยากที่จะล้มเหลว ” เขาอธิบายต่อว่า “ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ล้มเหลวคือการหยุด และนั้นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ยอมที่จะหยุด”

สรุปส่งท้าย

การทำธุรกิจ นอกจากการมีสินค้าที่ดีแล้ว นิสัยความใจสู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจสำเร็จ ถ้าวันนั้น Jamie ใจเสาะ เจอคำปฏิเสธจากรายการ Shark Tank จนหมดกำลังใจ และหยุดทำต่อ เราก็คงไม่เห็น Jamie สำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นอย่าพึ่งหมดกำลังใจกับเพียงแค่ลมปากจากคนรอบข้างครับ จงเชื่อมั่น และมุ่งไปข้างหน้า เพื่อพบเส้นชัยอันสวยงามที่เราต้องการ

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet