ตอนนี้ก็จะเป็นประวัติของ แมตต์ ฮิกกินส์ (Matt Higgins) นะครับ บุรุษผู้เป็นเศรษฐีพันล้านจากชีวิตทำงานประจำ และช่วงหลังพึ่งผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเปิดบริษัทลงทุนเป็นของตนเอง ซึ่งก็ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะ ชีวประวัติของเศรษฐีชอบมีจุดเปลี่ยนมารวยจากการเป็นผู้ประกอบการทั้งนั้น แต่คนนี้รวยก่อนจากการทำงานประจำ แล้วค่อยมาเป็นผู้ประกอบการ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ แมตต์ เชี่ยวชาญก็จะเป็นกลุ่มของเทคโนโลยีและด้านกีฬาครับ เพราะ ปัจจุบันเขาเป็นรองประธานกรรมการของทีมอเมริกันฟุตบอล Miami Dolphins และเป็น CEO ของ RSE Venture บริษัทที่เน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีและกีฬานั่นเอง สำหรับใครที่สนใจก็ติดตามต่อได้เลยครับ
อะไรก็ขวางทางเขาไม่ได้!! ความจนเหรอ? มะเร็งเหรอ? ไม่ใช่กับแมตต์คนนี้
แมตต์ ฮิกกินส์ เกิดปี 1975 ที่ควีน ในเมืองนิวยอร์ค โดยครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่ยากจนมาก เขาอาศัยอยู่กับน้องชาย 3 คน ในอพาทเมนต์เล็กๆ และมีแม่คนเดียวที่คอยดูแลพวกเขา ซึ่งแม่เขาก็ใช่ว่าจะสุขภาพดี เพราะ แม่ของเขาก็มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตลอด ร้ายแรงขนาดไหน ก็ร้ายแรงขนาดที่เธอจะต้องมานั่งวิลแชร์ตลอดเวลา ด้วยเหตุนั้นช่วงวัยเด็กของ แมตต์ จึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่สวยหรูสำหรับเขามากนัก แต่สิ่งนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจแน่วแน่ตั้งแต่วัยเด็กว่า “เขาจะไม่ให้ความจนมากำหนดอนาคตของเขา เขาจะเป็นผู้สร้างอนาคตที่ดีกว่าเอง”
ในช่วงวัย 16 แมตต์ลาออกจากโรงเรียน และได้สอบเทียบวุฒิ GED เพื่อที่เขาจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ไวๆและได้ทำงานเสริมหาเงินเพื่อให้พ้นจากความจนเร็วที่สุด ช่วงนั้นระหว่างวัน เขาก็ทำงานหาเงิน ส่วนช่วงดึกๆก็เรียนภาคพิเศษในวิทยาลัย ในขณะที่เขาก็ต้องดูแลแม่ที่ป่วยตามไปด้วย นับว่าเขาดิ้นรนใช้เวลาอย่างเต็มที่ ซึ่งมันก็ใช้เวลา 7 ปี กว่าที่เขาจะจบวิทยาลัย และได้วุฒิปริญาตรี ในคณะรัฐศาสตร์ จากวิทยาลัยควีน
ตอนอายุ 26 ปี แมตต์ ได้เริ่มทำงานเป็นผู้สื่อข่าวสอบสวนที่ได้รับรางวัลของสื่อมวลชน Queens Tribune และช่วงดึกๆก็ได้มีการเข้าเรียนกฎหมายที่ Fordham Law School เทียบเคียงไปด้วย นอกจากนี้เขายังโชคดีที่ได้มีโอกาสได้เข้าทำงานเป็นโฆษกรัฐบาลของเมืองนิวยอร์คที่อายุน้อยที่สุด ด้วยโอกาสอันนั้นทำให้แมตต์มั่นใจได้เลยว่าเขาจะสามารถออกจากความยากจนที่กัดกินครอบครัว และสามารถดูแลแม่ที่กำลังป่วยได้อย่างสบายๆได้ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับแมตต์ วันแรกที่เข้าได้ไปทำงาน แม่ของเขาก็ได้จากโลกไป ซึ่งแมตต์เสียใจเป็นอย่างมากที่เขาไม่สามารถทำให้แม่พบกับความสบายในจุดที่เขากำลังจะประสบสำเร็จในชีวิตได้
เขาว่ากันว่าในช่วงชีวิตนึง คนจะพบจุดเปลี่ยน และมีโอกาสต่างๆ โถมเข้ามา ในปีเดียวกัน แมตต์ได้มีโอกาสจัดการงานสื่อข่าวระดับโลกเกี่ยวในเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินชนในตึก World Trade Cente เดือนกันยายน ปี 2011 ด้วยผลงานที่ใหญ่โตนี้ เขาได้ขึ้นเป็นผู้บริหารตำแหน่ง COO ของ Lower Manhattan Development Corporation ในการทำโปรเจคช่วยฟื้นฟูตึก World Trade Center ที่เสียหายจากการก่อการร้าย
ในปี 2004 เขาได้เริ่มงานใหม่ที่สโมสรอเมริกันฟุตบอล New York Jets ของ NFL และได้ขึ้นตำแหน่งถึง 2 ระดับภายใน 4 ปี จนกลายเป็นตำแหน่ง EVP ในส่วนงานด้านธุรกิจ และเป็นมือขวาของเจ้าของทีม ด้วยวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น
ต่อมาในปี 2007 แมตต์ก็พบจุดไม่คาดคิดของชีวิตอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเขาเป็นมะเร็ง แต่ก็ยังดีที่มะเร็งยังไม่ลามไปมาก ซึ่งแมตต์ก็ไม่ได้ซีเรียสกับมะเร็งอะไรมากนัก และมองมะเร็งเหมือนไข้หวัดธรรมดา เขาใช้เพียงเวลาลางานเพียงแค่ 1 วันไปผ่าตัด และกลับมาทำงานต่อ จนทำให้คนรอบข้างต่างต้องประหลาดใจ เขากล่าวว่า
ผมมองมะเร็งเหมือนเป็นสิ่งที่อาจทำให้สิ่งที่ผมทำมาตกรางไปทั้งหมด
ผมรู้สึกภูมิใจสิ่งที่ตอนนั้นผมทำนะ มันตลกมากถ้าโรคร้ายนั้นมันจะมาทำให้ผมเขว และไม่ทำให้ผมเรียนรู้อะไร มันก็เหมือนกับโชคชะตาในชีวิตแหละครับ
รอบหน้ามันอาจจะมาแบบเป็นลูกขนาด 0.45 แทน 0.22 นะ
เจ้าของทีม New York Jets กล่าวถึงเขาว่า “แมตต์ เป็นคนที่ไม่เคยทำให้ดูว่าตัวเองกำลังแย่เลยสักครั้ง”
ในปี 2012 หลังจากที่เขาทำงาน New York Jets ไปได้สัก 8 ปี ด้วยที่เขาอยากผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ แมตต์ได้ย้ายงานไปเป็นรองประธานกรรมการให้กับทีมอเมริกันฟุตบอล Miami Dolphins และได้ร่วมทุนกับ สตีเฟน เอ็ม รอสส์ (Stephen M. Ross) ผู้เป็นเจ้าของทีมในการตั้งก่อตั้งบริษัท RSE Ventures ขึ้นมา
RSE Ventures เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในการลงทุนกับบริษัทหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ และนี่คือตัวอย่างบริษัทคร่าวๆที่ RSE Ventures ลงทุนลงไป
- Drone Racing League : ลีคจัดแข่งขันโดรนที่แรก
- FanVision : เครื่องดูรายการกีฬาแบบพกพา
- Thuzio : บริษัททำสื่อและจัดงานด้านกีฬาโดยเฉพาะ
- SkOUT Secure Intelligence: บริษัทด้าน Cybersecurity
จนถึงปัจจุบัน แมตต์ก็คงยังเป็นผู้บริหารให้กับทีม Miami Dolphins และ RSE Ventures โดยที่เขามีสินทรัพย์ถือครองทั้งสิ้นประมาณ $150 ล้าน (4.7 พันล้านบาท) โดยแมตต์ได้ให้ทริคเล็กในการทำงานว่า
ทำตัวเองให้เป็นคนที่ใครๆก็ขาดไม่ได้ในทุกสิ่งอย่างที่คุณทำอยู่ตอนนี้
ผมคิดว่าปัญหาที่มักเกิดขึ้น คือ การที่เรามีความอดทนไม่มากพอ หรือเราไม่ชอบในสิ่งที่กำลังทำอยู่
เราชอบมองข้ามในสิ่งที่กำลังทำอยู่ไปในสิ่งที่เราอยากทำในอนาคตเลย ซึ่งหารู้ไม่ว่าเส้นทางที่เราต้องเดินไปนั้นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นแหละ
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วกับชีวประวัติของ แมตต์ ฮิกกินส์ เป็นอีกคนนะครับที่ผมชอบในความดิ้นรนอุตสาหะ พยายามใช้ประโยชน์ในทุกวินาที เพื่อสร้างสกิลใหม่ และทำให้พ้นกับความยากจนได้ในที่สุด ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนใจสู่ แม้จะมีอุปสรรคอะไรมาขัดขวาง สุดท้ายก็ยังคงทำงานโดยไรข้ออ้างและก้าวไปถึงจุดหมาย เพื่อนๆก็ลองใช้ข้อเรียนรู้นี้ไปปรับใช้กับชีวิตเพื่อนๆได้ครับ ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ในอาทิตย์หน้าครับ ขอบคุณครับ
