มาร์ค คิวบาน (Mark Cuban) เศรษฐีพันล้าน เจ้าของทีมบาส NBA Dallas Maverick ผู้เป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสินทรัพย์ถือครองทั้งสิ้นกว่า $4.1 พันล้าน (1.3 แสนล้านบาท) ซึ่งกว่าจะถึงจุดนี้ชีวิตของเขาก็ไม่ได้เดินมาด้วยกลีบกุหลาบ จากเด็กที่ต้องอยู่อพาร์ทเมนต์โซมๆ กินปีกไก่ไปพราง เขียนโปรแกรมไปพราง จนสุดท้ายสามารถสร้างเว็บไซต์สตรีมมิ่งบรอดเคสและขายไปกว่า $5.7 พันล้าน เพื่อไปซื้อทีมบาส NBA Dallas Maverick จนประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ มาร์คนี่เป็นนักลงทุนที่ผมชอบที่สุดในรายการ Shark Tank เลย ใครสนใจลองติดตามประวัติที่มาของเขาได้เลยครับ Go Go!!
“ทางที่ดีที่สุดในการบอกอนาคต คือ การสร้างมัน”
มาร์ค คิวบาน เป็นชาวอเมริกัน เกิดที่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ในปี 1958 พ่อของเขาเป็นช่างประดับรถ และแม่ของเขาเป็นหญิงผู้ทำงานรับจ้างทั่วไป ก้าวแรกของมาร์คในโลกธุรกิจเริ่มตั้งแต่ตอนเขาอายุ 12 ขวบ ด้วยการขายถุงขยะ เพื่อเอาไปเป็นเงินเก็บในการซื้อรองเท้าบาสของเขา และต่อมาสักช่วงมัธยมเขาก็ได้มีการหาเงินเก็บเพิ่มเติมด้วยการขายพวกเหรียญและแสตมป์ต่างๆ
มาร์คเป็นคนที่ค่อนข้างมุทะลุ เห็นว่าอะไรมีประโยชน์ก็จะทำไปล่วงหน้าโดยไม่สนใจเรื่องอายุ เขาได้เริ่มเข้าไปเรียนคลาสจิตวิทยาในมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในขณะที่เรียนอยู่ตั้งแต่ชั้นมัธยม โดยบางครั้งเขาก็โดดเรียนจากโรงเรียนไปเข้าคลาสที่มหาวิทยาลัยบ้าง ซึ่งหลังจากเขาจบมัธยมและเรียนจบปีแรกของมหาลัย เขาก็ได้ย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่อินเดียน่าแทน
ในปี 1981 เขาจบปริญญาตรีจาก Indiana’s Kelley School of Business ในหลักสูตรการจัดการ จากเหตุผลจากการเข้าที่ว่าเป็น Business School ท็อป 10 ที่มีค่าเทอมที่ถูกที่สุดเพียงเท่านั้น โดยหลังจากที่เขาเรียนจบ เข้าก็กลับไปทำงานกับ Mellon Bank ที่บ้านเกิดสักระยะ และหมกมุ่นกับการศึกษาเรื่องพวกเน็ตเวิร์ค และการเขียนโปรแกรม เพราะ เขารู้ว่าเทรนคอมพิวเตอร์กำลังมา
ไม่นานในปี 1982 เขาได้ออกจากงาน และย้ายไปที่เมืองดัลลัส เพื่อไปล่าฝัน American Dream ของเขา ช่วงแรกเขาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์แถวนั้น และไปเจอร้านขายซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ชื่อว่า Your Business Software ซึ่งเป็นร้านจ้าวแรกๆที่ทำเกี่ยวกับการขายซอฟต์แวร์ในเมืองนี้ มาร์คไม่รอช้า เขาได้สมัครเข้าไปเป็นพนักงานขายเพื่อฝึกวิทยายุทธ แต่ไม่นานเขาก็ถูกไล่ออก เพราะ ดันไปเอาลูกค้าเก็บเข้าพอทฟอลิโอของตัวเอง แทนที่จะขายซอฟต์แวร์ของบริษัทให้
มาร์คได้เปิดบริษัทเป็นของตัวเองครั้งแรกชื่อว่า MicroSolutions จากลูกค้าที่เขาหามาได้จากการทำงานที่ Your Business Software ซึ่งบริษัทนี้ได้เป็นผู้บุกเบิกในการทำเทคโนโลยีแนวๆที่ก่อนจะเป็นพวก Carbon Copy, Lotus Notes, และ CompuServe โดยลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดของเขาช่วงนั้นคือ Perot Systems
เขาสามารถปั้นบริษัทให้มียอดขายทะยานไปถึง $30 ล้าน และสุดท้ายในปี 1990 มาร์คได้ขายบริษัทนี้ให้ไปกับ CompuServe ด้วยมูลค่าทั้งหมด $6 ล้าน และได้เงินเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองไปประมาณ $2ล้าน ในที่สุด
ด้วยความที่มีใจรักบาสเกตบอล ในปี 1995 เขาและก๊วนเก่าจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า ท็อต เว็กเนออร์ (Todd Wagner) ได้มาร่วมหุ้นกันสร้างธุรกิจ Audionet ที่เป็นสื่อที่ให้ชาวอินเดียน่าสามารถดูบาสเกตบอลช่องทางออนไลน์ได้
ในปี 1998 ธุรกิจได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Broadcast.com โดยธุรกิจได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนในปี 1999 Broadcast.com มีพนักงานจำนวนมากถึง 330 คน ด้วยรายได้ $13.5 ล้าน จากการขายเพียงแค่ครึ่งปี ซึ่งสิ่งนี้มันดันไปแตะตาบริษัท Yahoo โดยมาร์คได้ขาย Broadcast.com นี้ไปให้กับ Yahoo ด้วยมูลค่ามากถึง $5.7 พันล้าน และธุรกิจนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในมูลค่าของราคาหุ้น Yahoo
มาร์คสังเกตุเห็นได้ว่าช่วงนั้นพวกหุ้นเทคโนโลยีมันอยู่ในเทรนค่อนข้างฟองสบู่ใกล้แตก ด้วยที่มาร์คได้หุ้นจาก Yahoo มาบางส่วนจากการขาย Broadcast.com เขาจึงได้ทำการ Hedge หุ้น Yahoo เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่หุ้น Yahoo ราคาลง ซึ่งนับได้ว่ามาร์คคิดถูก เพราะว่า ช่วงนั้นราคาหุ้น Yahoo ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว และมาร์คสามารถป้องกันการสูญเสียจากการดิ่งลงด้วยการ Put Option ทำให้เขาไม่ต้องสูญเสียกับมูลค่าหุ้นที่เขาถืออยู่กว่า $1.4 พันล้าน สิ่งนี้เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขามีความภาคภูมิใจจนถึงปัจจุบัน
จากความภาคภูมิใจนี้ มาร์คได้ทำการซื้อเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวรุ่น Gulfstream V ผ่านทางออนไลน์ ด้วยราคากว่า $40 ล้าน ทำลายสถิติโลกลงกินเนสบุ๊กว่ามาร์คเป็นผู้ที่ทำการซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วยราคาสูงที่สุด
จากผู้คลั่งใคล่ NBA ในการเป็นผู้เชียร์อยู่ข้างสนาม และสักพักกลายเป็นผู้ทำช่องทางสตรีมมิ่งดูบาสออนไลน์ คราวนี้มาร์คได้สานฝันของเขาไปสู่ระดับสูงสุด ปี 2000 มาร์คได้ทำการซื้อสโมสรทีมบาส NBA ชื่อว่า Dallas Mavericks ด้วยมูลค่า $285 ล้านทำให้นับตั้งแต่นั้นมาเขาไม่ต้องไปหาตั๋วเพื่อเลือกที่นั่งในการดูบาสที่ดีที่สุดอีกต่อไป
มาร์คนอกจากจะเป็นคนรวยแล้ว เขายังเป็นคนที่มีทักษะในการทำทีมบาสด้วย ด้วยความที่เขาใจรัก มาร์คถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเจ้าของทีมบาสที่ดีที่สุด ถ้าไม่นับผู้เล่นที่เล่น NBA ระดับ Hall of Frame แล้วมาซื้อทีมบาสทีหลัง มาร์คนับได้ว่าเป็นเจ้าของทีมบาส NBA ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแล้ว โดยมาร์คสามารถปั้นทีมรั้งท้าย หรือ เรียกว่าทีมกระจอกของ NBA จนสามารถไปเป็นแชมป์ครั้งแรกได้ในปี 2011 ซึ่งตอนนั้นในทีมของเขาก็ไม่ได้เป็นซุปเปอร์ทีมเหมือนทีมอื่นใด แต่เขาสามารถทำได้ นับได้ว่าเป็นผลงานในประวัติศาสตร์วงการ NBA ที่ยิ่งใหญ่ของเขาจริงๆ
เขียนไปอาจจะดูว่าเกินจริง งั้นเรามาดูตัวเลขมูลค่าของทีมดีกว่า ซึ่ง Number never lie แน่นอน ในปี 2020 ทีม Dallas Mavericks มีมูลค่ามากถึง $2.2 พันล้าน เพิ่มขึ้นมาเกือบ 8 เท่าตั้งแต่ที่มาร์คซื้อ!!
ในปัจจุบันมาร์คยังได้สร้างทีมบาสแนวใหม่ ที่รอบล้อมไปด้วย Superstar จากผู้เล่นฝั่งยุโรป ซึ่งเขาได้ดราฟ Rookie ดาวรุ่งจากสโลวาเนียมาร่วมทีม เป็นความประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ เพราะ Rookie หรือ ลูก้า ดอนซิช (Luka Dončić^) คนนั้นมีฝีมือจนเป็นเรื่องอื้อฉาวในวงการ NBA และเพียงปีที่ 2 ของเขา เขาสามารถเป็นผู้ทีอยู่ในลิสต์ว่าที่ MVP ได้
ความสำเร็จในการทำทีมบาส NBA นี้ มาร์คกล่าวว่า
ความสำเร็จ คือ เวอร์ชันชีวิตอันพิเศษที่มันโดดเด่นและเข้ากับตัวคุณ ไม่ใช่ชีวิตที่คนอื่นอยากให้คุณเป็น
นอกจากนี้มาร์คยังได้ไปร่วมทำธุรกิจกับท็อตหุ้นส่วนเก่าเพิ่มเติม โดยพวกเขาได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกผลิตสื่อมีเดีย ชื่อว่า 2929 Entertainment และได้ทำการกว้านซื้อโรงหนัง Landmark Theatres ในปี 2003 โดยมาร์คได้การผลิตภาพยนต์ออกมาหลายเรื่อง รวมถึงพวกรายการทีวีต่างๆมากมาย
ด้วยจำนวนเงินที่เหลือมากมากมหาศาล มาร์คยังได้ไปลงทุนในธุรกิจพวก Startup หลายธุรกิจโดย Startup ที่เขาเน้นลงทุนก็จะเป็นพวกธุรกิจยุคใหม่ที่ทำด้านเทคโนโลยี เช่น ธุรกิจแพลตฟอร์ม, ธุรกิจ E-Book และอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนนั้นแต่ได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างมากทั้งสิ้น
ปี 2011 เขาได้เริ่มเป็นนักลงทุนในรายการ Shark Tank โดยในรายการเขาได้ลงทุนและช่วยผู้ประกอบการไปแล้วมากถึง 168 ธุรกิจ ด้วยจำนวนเงินกว่า $ 41 ล้าน (1,300 ล้านบาท) เป็นตัวเลขที่นับได้ว่าสูงที่สุดในบรรดานักลงทุนในรายการแล้ว มาร์คได้รับถูกยกย่องว่าเป็นคนพูดตรง ถ้ารู้ว่าอะไรจะรุ่ง เขาก็จะบอกว่ารุ่ง อะไรที่รู้ว่าจะดับ เขาก็จะบอกตรงๆว่าดับ ซึ่งผู้ประกอบการในรายการต่างๆก็ได้รับคำแนะนำดีๆจากเขามากมาย โดยธุรกิจที่เขาลงทุนก็จะกระจายในทุกส่วนของกลุ่มธุรกิจเหมือนสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนคนอื่นในรายการทั่วไป จะมีกลุ่มด้านกีฬาและเทคโนโลยีที่เขามีสัดส่วนการลงทุนมากเป็นพิเศษถ้าเทียบกับนักลงทุนคนอื่น ซึ่งสิ่งนี้ก็เกิดจากการที่เขาเป็นคนชอบเทคโนโลยี และเป็นเจ้าของทีมบาส Dallas Mavericks นั่นเอง
ในปี 2018 เขาได้ถูกรับยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ยู่ในกลุ่มผู้ที่รวยที่สุดในโลกจัดอันดับโดย Forbes ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครองทั้งสินกว่า $3.9 พันล้าน และในปี 2020 เขาก็มีสินทรัพย์ถือครองเพิ่มจนไปถึงตัวเลข $4.1 พันล้าน
สุดท้ายมาร์คได้ฝากคำแนะนำ 12 ประการจากหนังสือที่เขาเขียนให้แก่ผู้ประกอบการว่า
- อย่าเพิ่งเริ่มสร้างธุรกิจ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณหมกหมุ่นหรือสิ่งที่คุณรัก
- ถ้าคุณมีแผนในการขายหรือออกจากธุรกิจของคุณ นั่นแปลว่าคุณไม่ได้หมกหมุ่นจริงนะ
- จ้างคนที่รู้ว่าเขาชอบที่จะทำงานในธุรกิจของคุณ
- คุณต้องรู้ว่าธุรกิจคุณสร้างเงินได้อย่างไร และสร้างจะยอดขายได้อย่างไร
- คุณต้องรู้จุดแข็งของตัวเอง และโฟกัสให้ไปดีด้านนั้น
- ถึงเวลาทำธุรกิจ ก็ต้องตั้งใจทำจริง อย่าผ่อนคลายในเวลางานมากนัก
- ไม่ต้องมีกำแพงกั้นห้องที่ออฟฟิส
- เลือกใช้เทคโนโลยี ที่คุณคิดว่ามาช่วยธุรกิจได้มากที่สุด
- สร้างแผงผังองค์กรให้เรียบง่ายมากที่สุด ไม่ควรมีแบบลำดับขั้น
- อย่าไปลงทุนเรื่องแบรนด์จนมากเกินไป อย่างเรื่องซื้อเสื้อติดโลโก้บริษัทให้คนภายนอก
- อย่าจ้างบริษัท PR จากด้านนอก
- ทำให้งานมันดูสนุกสำหรับพนักงาน
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วนะครับกับนักลงทุนคนสุดท้ายในซีรีย์รายการ Shark Tank เป็นอย่างไรบ้างครับชีวิตของมาร์ค เอาจริงเรื่องราวของมาร์คยังมีอีกมากมายนะครับ แต่นี่ผมคัดมาเฉพาะอันที่เด่นและประสบความสำเร็จเท่านั้นเอง สิ่งที่ผมชอบของมาร์ค คือ การที่เขาได้ทำสิ่งที่เขารักครับ ขนาดคนปกติที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจทั่วๆไปยังมีความภาคภูมิใจมาก แต่มาร์คนี่ได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่เขารัก คงเป็นความรู้สึกที่มีความภาคภูมิใจสุดยอดจนหาที่เปรียบมิได้ ก็ขอบคุณเพื่อนๆมากนะครับ ที่ติดตามกัน ในอาทิตย์หน้าก็พบกันใหม่นะครับ ขอบคุณครับผม