abc

EP 21 : Kevin O’Leary บุรุษมหัศจรรย์วงการธุรกิจ

Nut P
3 min readJul 11, 2020

--

เควิน โอแลร์รี่ (Kevin O’Leary) ผู้ได้รับฉายาว่า “Mr. Wonderful” หรือ “บุรุษมหัศจรรย์” ซึ่งที่มาของฉายานั้นเหมือนมาจากความใจกว้าง แต่ไม่ใช่เลย ฉายานี้เกิดจากการที่เขาเป็นนักลงทุนในรายการ Shark Tank และมีการใช้ทักษะการต่อรองที่โหดเหี้ยม จนผู้ประกอบการหลายคนต่างประชดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณมหัศจรรย์จริงๆ โดยเควินเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จชาวแคนาเดียน ซึ่งมีประวัติที่น่าสนใจมากครับ มาดูกันว่าก่อนที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้เขาเป็นบุคคลที่เหี้ยม หรือบุคคลมหัศจรรย์จริงๆหรือเปล่า ใครพร้อมแล้วเชิญรับชมกันได้เลยครับ

“นี่คือแนวคิดเกี่ยวกับเงินของผม ผมมองมันเหมือนทหาร ผมส่งมันไปรบทุกวัน โดยผมต้องการให้พวกมันกลับบ้านพร้อมพานักโทษกลับมา เพื่อที่พวกมันจะได้เพิ่มมากขึ้น”

เควินเกิดในครอบครับในแคนาดาที่มีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆและแม่เป็นนักขาย โดยทั้งคู่หย่าร้างกันตั้งแต่เควินเด็กๆ เหตุเกิดจากพ่อเขาเป็นคนติดเหล้า ซึ่งไม่นานเขาก็ต้องจากไป และต่อมาแม่ของเขาก็มีคู่สมรสใหม่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานให้กับ UN ด้วยเหตุนี้ เควินจึงมีโอกาสได้ไปสัมผัสผืนแผ่นดินในประเทศหลายๆแห่ง เช่น กัมพูชา, ตูนีเซีย และไซปรัส

แม่ของเควินยังเป็นนักลงทุนที่เก่งมาก แต่เธอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อเควิน ซึ่งเธอได้เอาเงินค่าจ้างและที่ได้จากการทำธุรกิจหนึ่งในสามส่วนตลอดชีวิตของเธอ ไปลงทุนพวกหุ้น และพันธบัตร จนเงินงอกเงยมหาศาล ซึ่งเควินพึ่งมารู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของเขาด้านนี้ก็ตอนที่เธอตายไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องราวของเธอนี้ก็ไม่ได้จางหายไป เพราะ เควินได้นำทักษะของแม่เหล่านั้นไปสืบทอด และได้จำบทเรียนเกี่ยวกับการลงทุนของแม่ รวมถึงเคล็ดลับการแบ่งเงินเก็บหนึ่งในสามเพื่อมาลงทุนจนถึงทุกวันนี้ด้วย

เริ่มแรกเควินมีแรงบันดาลใจในการเป็นนักถ่ายภาพ แต่ด้วยคำแนะนำของพ่อเลี้ยงในการให้เขาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ภายหลังเขาเปลี่ยนใจไปสนใจในด้านธุรกิจและการลงทุนแทน ซึ่งเควินได้เรียนจบเกียรตินิยมปริญญาตรีอันดับ 1 จาก University of Waterloo ด้านจิตวิทยาสิ่งแวดล้อม ในปี 1977 และจบปริญญาโท MBA ของ Ivey Business School จาก University of Western Ontario ในปี 1980

ในช่วงที่เควินเรียน MBA เขาได้มีโอกาสเพิ่มทักษะด้านธุรกิจหลายๆอย่าง ตั้งแต่การได้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการในธุรกิจอาหารแมว และได้รับการยกย่องในการใช้ทักษะทางด้านตลาดของเขา รวมถึงการไปร่วมหุ้นกับเพื่อน MBA ทำธุรกิจด้านสื่อโทรทัศน์ จนสุดท้ายเขาได้เงินเก็บมาจำนวน $25,000 จากการขายหุ้นธุรกิจ

หลังจากที่เขาได้เงินเก็บจากการขายหุ้นมาสมควร เขาได้เริ่มทำธุรกิจใหม่ในห้องใต้ดินเมืองโตแรนโต ชื่อว่า SoftKey ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของเขาที่เรียกได้ว่าทำให้เขาสามารถมีความมั่นคั่งได้จนถึงทุกวันนี้

Joe Castaldo | Canadian Business

SoftKey เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่ทำเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์บน CD Rom ซึ่งเริ่มแรกธุรกิจของเควินก็ไม่ได้ไปได้สวยอย่างที่คิด เนื่องจากนักลงทุนที่สัญญาว่าจะลงทุนในธุรกิจของเขา $250,000 อยู่ๆดีเปลี่ยนใจไม่ให้เงินก่อนวันโอนที่สัญญาไว้ 1 วัน ทำให้สุดท้ายเควินต้องใช้เงินเก็บจากการขายหุ้นของเขาเอง และไปยืมเงินแม่ในการสร้างโปรแกรม Softkey ตัวแรกนี้

โชคดีที่เควินไม่เปลี่ยนใจเลิกลาการทำธุรกิจไป เพราะ ช่วงนั้นเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมขายซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์พอดี เควินได้เห็นโอกาสและเอาโปรแกรมจาก Softkey ไปขายพ่วงกับเครื่องปริ้นในร้านค้าต่างๆ จนสุดท้ายขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยสินค้าหลักของเขาจะเป็นโปรแกรมในกลุ่มด้านการศึกษาที่สอนเกี่ยวกับการอ่านและคณิตศาสตร์ เป็นเกมส์สนุกๆที่เหมาะแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในบ้านทั่วๆไป

ธุรกิจของเขาอยู่ในช่วงที่แข่งขันกับคู่แข่งในปลายๆปี 80 และสามารถเริ่มมานำลิ่วในปี 1990 จนสุดท้ายในปี 1993 Softkey กลายเป็นจ้าวตลาดธุรกิจโปรแกรมด้านการศึกษาโดยการกว้านซื้อธุรกิจคู่แข่งเกือบทั้งหมด และในปี 1995 Softkey ก็ได้เข้าไปซื้อบริษัทที่ชื่อ The Learning Company (TLC) ในจำนวนเงิน $606 ล้าน ที่เรียกได้ว่าเป็นบริษัทคู่แข่งของเขาที่ครองตลาดใหญ่ที่สุด ณ ช่วงนั้น โดยนับจากนั้น Softkey ก็เปลี่ยนเป็นชื่อ TLC แทน

บริษัท TLC ดำเนินการไปด้วยดี จนกระทั้งในปี 1998 ธุรกิจในอุตสาหกรรมเริ่มอยู่ในช่วงขาลง เควินจึงได้ทำการขายธุรกิจให้บริษัท Mattel ด้วยมูลค่ากว่า $4.2 พันล้าน เควินได้เงินจำนวนมหาศาลมาอย่างลอยตัว ในขณะที่ Mattel ที่ซื้อ TLC ไปเริ่มมียอดขายจากธุรกิจนี้ลดลงเรื่อยๆ จนมีคนกล่าวว่าการซื้อธุรกิจครั้งนี้เป็นการซื้อที่เลวร้ายที่สุดของ Mattel

Mattel ได้ทำการฟ้องเควินและคณะผู้บริหาร TLC ในกรณีที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับธุรกิจตอนที่ขายให้ แต่สุดท้ายเควินก็หลุดพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมดในปี 2003 และกล่าวว่ามันผิดที่เทรนของเทคโนโลยีเองที่โชคร้ายมาลงช่วงนี้ และการที่วัฒนธรรมของการควบรวมของสองบริษัทมันเข้ากันไม่ได้ ทำให้ธุรกิจนี้ไปไม่ได้ในที่สุด

ด้วยจำนวนเงินที่ได้มาอย่างมหาศาล เควินได้กลายเป็นนักลงทุนในธุรกิจเต็มตัว เขาได้ลงทุนในธุรกิจมากมาย โดยการหาธุรกิจที่มีศักยภาพและทำการซื้อในช่วงเริ่มต้น และขายทิ้งเมื่อมันมีมูลค่าสูง เช่น ธุรกิจโกดังเก็บของ StorageNow Holdings ที่เขาเริ่มต้นซื้อมา $500,000 และขายทิ้งไปในราคามากกว่า $4.5 ล้าน

นอกจากนั้นเควินยังได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัทกองทุนหลายกองทุน จนในปี 2008 เขาได้ได้สร้างบริษัทกองทุนสำหรับลงทุนในธุรกิจของเขาเองชื่อบริษัทว่า O’Leary Funds Inc. โดยเขาสามารถเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่ลงทุนไป $400 ล้าน ไปถึง $1.2 พันล้าน ภายใน 1 ปี ในช่วงปี 2011–2012

ยังไม่หมดแค่นั้น เควินยังสร้างบริษัทกองทุนของเขาเพิ่มอีก โดยใช้ชื่อว่า O’Leary Ventures ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ลงทุนธุรกิจในระดับเริ่มต้นโดยเฉพาะ (Early-stage) ซึ่งนับได้ว่าเควินเป็นคนที่อุทิศให้กับอาชีพนักลงทุนในธุรกิจจริงๆ

โดยช่วงที่เป็นนักลงทุนนี้ เควินยังได้มีโอกาสไปออกสื่อในรายการโทศทัศน์หลายรายการ โดยเฉพาะในรายการ Dragon Den และ Shark Tank ที่เป็นรายการในการลงทุนธุรกิจสำหรับเขาโดยเฉพาะ ทำให้เขามีโอกาสในการลงทุนในธุรกิจต่างๆเพิ่มมากขึ้นไปอีก(ท่านใดไม่รู้จักสองรายการนี้สามารถไปอ่านรายละเอียดได้ในลิงค์ด้านล่างคร่าวๆ)

เริ่มแรกเขาเป็นนักลงทุนประจำในรายการ Dragon Den ของประเทศแคนาดา แต่ต่อมาเขาได้ย้ายมารายการ Shark Tank ของสหรัฐอเมริกาแทน ซึ่งในฐานะนักลงทุนที่ออกสื่อโทรทัศน์เขาสามารถทำได้ค่อนข้างดี ถึงภาพลักษณ์ของเควินจะออกมาค่อนข้างเหมือนคนที่โหดร้าย แต่สิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนจำเขาได้ โดยมีครั้งหนึ่งในรายการมีนักธุรกิจที่มาขอทุน แต่โดนเขาคอมเมนต์เกี่ยวกับธุรกิจจนร้องให้ ซึ่งเขาบอกว่า

“เงินมันไม่แคร์คุณหรอก น้ำตาของคุณที่ร้องให้ออกไปมันไม่ได้เพิ่มมูลค่าอะไรเลย”

ด้วยสไตล์การพูดที่อยู่ในโลกความจริงไปหน่อย และเวลาลงทุนกับเขามักจะไม่ได้แค่แลกมากับหุ้นที่เสียไป แต่ร่วมไปถึงดอกเบี้ยจากการกู้และค่าลิขสิทธ์จากยอดขายพ่วงมากับข้อเสนอ ด้วยเหตุนั้น ช่วงที่ได้ออกรายการ Shark Tank เขาได้ถูกตั้งฉายาว่า “Mr. Wonderful” หรือ “บุรุษมหัศจรรย์” ซึ่งเป็นฉายาที่นักธุรกิจที่ได้รับคอมเมนต์จากเขาตั้งประชดว่าคุณนี่ช่างมหัศจรรย์จริงๆ

amazonaws

ถึงตอนออกรายการ เควินจะเป็นคนสไตล์อย่างนั้น แต่เอาเข้าจริง ในรายการ มีธุรกิจมากมายที่เขาได้ลงทุน และนักธุรกิจหลายคนที่ได้รับการทุนนั้นต่างก็ประทับใจในเควิน ซึ่งในรายการ Shark Tank เควินได้ลงทุนไปแล้วกว่า 88 ธุรกิจ ด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่มากถึง $21 ล้าน โดยธุรกิจที่เขาสนใจเป็นพิเศษจะเป็นประเภทอาหาร, ไลฟ์สไตล์ทั่วไป, สุขภาพ, เด็ก และเทคโนโลยี ซึ่งถ้าเป็นการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับเด็กเขามักกล่าวว่า จนถึง ณ ตอนนี้ เขาได้ช่วยเด็กกว่าล้านคนอ่านหนังสือมาแล้ว

ในปัจจุบันเควินมีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ $400 ล้าน ซึ่งเขาก็ยังเป็นนักลงทุนเต็มตัว และบางครั้งก็มีโอกาสไปช่วยงานในภาครัฐ โดยเขามีธุรกิจใหญ่ๆที่ดูแลเพิ่มเติม คือ พวกธุรกิจกลุ่มการเงิน เช่น O’Shares ETFs, และ O’Leary Publishing รวมถึงธุรกิจ O’Leary Fine Wines ที่ได้รับรางวัลชนะประกวดไวน์มา

นี่เป็น 10 บทเรียนในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของเขาอ้างอิงจาก Rick James

  1. ธุรกิจ คือ สงคราม
  2. เงิน คือ ทหารของคุณ
  3. ทักษะความเป็นผู้ประกอบการ = อิสละภาพ
  4. ใช้เงินเฉพาะจากดอกเบี้ย อย่าใช้เงินต้น
  5. อย่าไปหลังรักในไอเดียที่แย่
  6. โอกาสมาไวไปไว
  7. แพสชั่นไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
  8. ยอดขาย คือ ทุกอย่าง
  9. เงินมันไม่ได้แคร์คุณ
  10. ราคาของการสำเร็จมันสูงนะ

สรุปส่งท้าย

เป็นยังบ้างครับชีวประวัติของเควิน สมกับฉายา Mr. Wonderful หรือเปล่า เอาจริงนะครับ จุดที่ผมชอบประวัติของเควินที่สุดก็คือ การที่เขาเล่าความจริงในโลกธุรกิจครับ ซึ่งในโลกธุรกิจมันไม่ได้สวยงาม ทุกคนต้องสู้รบกัน ไม่มีใครปราณีใคร มีแค่ผู้แพ้กับผู้ชนะ ถ้าเราเป็นผู้แพ้เราก็ควรรีบสละทัพ เหมือนกับเคสของเควินที่เขาขายบริษัท TLC ทิ้งในช่วงธุรกิจขาลง และทำให้ฝ่ายที่ซื้อต้องกัดฟันเจ็บใจไป เป็นชีวประวัติที่น่าสนใจมากครับ บทเรียนที่ได้รับจากเขาเหล่านี้ผมคิดว่าสามารถนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจได้จริงทันทีเลย โดยในตอนหน้านะครับ ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับกับประวัติของ ลอริ เกริเนอร์ (Lori Greiner) หรือ ราชินีแห่งรายการ QVC ผู้ประดิษฐ์สินค้ากว่า 500 ชิ้น และมีสิทธิบัตรกว่า 120 รายการ ใครที่สนใจ อย่าลืมอาทิตย์หน้ามาติดตามกันครับ :)

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet