เควิน โอแลร์รี่ (Kevin O’Leary) ผู้ได้รับฉายาว่า “Mr. Wonderful” หรือ “บุรุษมหัศจรรย์” ซึ่งที่มาของฉายานั้นเหมือนมาจากความใจกว้าง แต่ไม่ใช่เลย ฉายานี้เกิดจากการที่เขาเป็นนักลงทุนในรายการ Shark Tank และมีการใช้ทักษะการต่อรองที่โหดเหี้ยม จนผู้ประกอบการหลายคนต่างประชดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณมหัศจรรย์จริงๆ โดยเควินเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จชาวแคนาเดียน ซึ่งมีประวัติที่น่าสนใจมากครับ มาดูกันว่าก่อนที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้เขาเป็นบุคคลที่เหี้ยม หรือบุคคลมหัศจรรย์จริงๆหรือเปล่า ใครพร้อมแล้วเชิญรับชมกันได้เลยครับ
“นี่คือแนวคิดเกี่ยวกับเงินของผม ผมมองมันเหมือนทหาร ผมส่งมันไปรบทุกวัน โดยผมต้องการให้พวกมันกลับบ้านพร้อมพานักโทษกลับมา เพื่อที่พวกมันจะได้เพิ่มมากขึ้น”
เควินเกิดในครอบครับในแคนาดาที่มีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆและแม่เป็นนักขาย โดยทั้งคู่หย่าร้างกันตั้งแต่เควินเด็กๆ เหตุเกิดจากพ่อเขาเป็นคนติดเหล้า ซึ่งไม่นานเขาก็ต้องจากไป และต่อมาแม่ของเขาก็มีคู่สมรสใหม่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานให้กับ UN ด้วยเหตุนี้ เควินจึงมีโอกาสได้ไปสัมผัสผืนแผ่นดินในประเทศหลายๆแห่ง เช่น กัมพูชา, ตูนีเซีย และไซปรัส
แม่ของเควินยังเป็นนักลงทุนที่เก่งมาก แต่เธอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อเควิน ซึ่งเธอได้เอาเงินค่าจ้างและที่ได้จากการทำธุรกิจหนึ่งในสามส่วนตลอดชีวิตของเธอ ไปลงทุนพวกหุ้น และพันธบัตร จนเงินงอกเงยมหาศาล ซึ่งเควินพึ่งมารู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของเขาด้านนี้ก็ตอนที่เธอตายไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องราวของเธอนี้ก็ไม่ได้จางหายไป เพราะ เควินได้นำทักษะของแม่เหล่านั้นไปสืบทอด และได้จำบทเรียนเกี่ยวกับการลงทุนของแม่ รวมถึงเคล็ดลับการแบ่งเงินเก็บหนึ่งในสามเพื่อมาลงทุนจนถึงทุกวันนี้ด้วย
เริ่มแรกเควินมีแรงบันดาลใจในการเป็นนักถ่ายภาพ แต่ด้วยคำแนะนำของพ่อเลี้ยงในการให้เขาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ภายหลังเขาเปลี่ยนใจไปสนใจในด้านธุรกิจและการลงทุนแทน ซึ่งเควินได้เรียนจบเกียรตินิยมปริญญาตรีอันดับ 1 จาก University of Waterloo ด้านจิตวิทยาสิ่งแวดล้อม ในปี 1977 และจบปริญญาโท MBA ของ Ivey Business School จาก University of Western Ontario ในปี 1980
ในช่วงที่เควินเรียน MBA เขาได้มีโอกาสเพิ่มทักษะด้านธุรกิจหลายๆอย่าง ตั้งแต่การได้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการในธุรกิจอาหารแมว และได้รับการยกย่องในการใช้ทักษะทางด้านตลาดของเขา รวมถึงการไปร่วมหุ้นกับเพื่อน MBA ทำธุรกิจด้านสื่อโทรทัศน์ จนสุดท้ายเขาได้เงินเก็บมาจำนวน $25,000 จากการขายหุ้นธุรกิจ
หลังจากที่เขาได้เงินเก็บจากการขายหุ้นมาสมควร เขาได้เริ่มทำธุรกิจใหม่ในห้องใต้ดินเมืองโตแรนโต ชื่อว่า SoftKey ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของเขาที่เรียกได้ว่าทำให้เขาสามารถมีความมั่นคั่งได้จนถึงทุกวันนี้
SoftKey เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่ทำเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์บน CD Rom ซึ่งเริ่มแรกธุรกิจของเควินก็ไม่ได้ไปได้สวยอย่างที่คิด เนื่องจากนักลงทุนที่สัญญาว่าจะลงทุนในธุรกิจของเขา $250,000 อยู่ๆดีเปลี่ยนใจไม่ให้เงินก่อนวันโอนที่สัญญาไว้ 1 วัน ทำให้สุดท้ายเควินต้องใช้เงินเก็บจากการขายหุ้นของเขาเอง และไปยืมเงินแม่ในการสร้างโปรแกรม Softkey ตัวแรกนี้
โชคดีที่เควินไม่เปลี่ยนใจเลิกลาการทำธุรกิจไป เพราะ ช่วงนั้นเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมขายซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์พอดี เควินได้เห็นโอกาสและเอาโปรแกรมจาก Softkey ไปขายพ่วงกับเครื่องปริ้นในร้านค้าต่างๆ จนสุดท้ายขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยสินค้าหลักของเขาจะเป็นโปรแกรมในกลุ่มด้านการศึกษาที่สอนเกี่ยวกับการอ่านและคณิตศาสตร์ เป็นเกมส์สนุกๆที่เหมาะแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในบ้านทั่วๆไป
ธุรกิจของเขาอยู่ในช่วงที่แข่งขันกับคู่แข่งในปลายๆปี 80 และสามารถเริ่มมานำลิ่วในปี 1990 จนสุดท้ายในปี 1993 Softkey กลายเป็นจ้าวตลาดธุรกิจโปรแกรมด้านการศึกษาโดยการกว้านซื้อธุรกิจคู่แข่งเกือบทั้งหมด และในปี 1995 Softkey ก็ได้เข้าไปซื้อบริษัทที่ชื่อ The Learning Company (TLC) ในจำนวนเงิน $606 ล้าน ที่เรียกได้ว่าเป็นบริษัทคู่แข่งของเขาที่ครองตลาดใหญ่ที่สุด ณ ช่วงนั้น โดยนับจากนั้น Softkey ก็เปลี่ยนเป็นชื่อ TLC แทน
บริษัท TLC ดำเนินการไปด้วยดี จนกระทั้งในปี 1998 ธุรกิจในอุตสาหกรรมเริ่มอยู่ในช่วงขาลง เควินจึงได้ทำการขายธุรกิจให้บริษัท Mattel ด้วยมูลค่ากว่า $4.2 พันล้าน เควินได้เงินจำนวนมหาศาลมาอย่างลอยตัว ในขณะที่ Mattel ที่ซื้อ TLC ไปเริ่มมียอดขายจากธุรกิจนี้ลดลงเรื่อยๆ จนมีคนกล่าวว่าการซื้อธุรกิจครั้งนี้เป็นการซื้อที่เลวร้ายที่สุดของ Mattel
Mattel ได้ทำการฟ้องเควินและคณะผู้บริหาร TLC ในกรณีที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับธุรกิจตอนที่ขายให้ แต่สุดท้ายเควินก็หลุดพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมดในปี 2003 และกล่าวว่ามันผิดที่เทรนของเทคโนโลยีเองที่โชคร้ายมาลงช่วงนี้ และการที่วัฒนธรรมของการควบรวมของสองบริษัทมันเข้ากันไม่ได้ ทำให้ธุรกิจนี้ไปไม่ได้ในที่สุด
ด้วยจำนวนเงินที่ได้มาอย่างมหาศาล เควินได้กลายเป็นนักลงทุนในธุรกิจเต็มตัว เขาได้ลงทุนในธุรกิจมากมาย โดยการหาธุรกิจที่มีศักยภาพและทำการซื้อในช่วงเริ่มต้น และขายทิ้งเมื่อมันมีมูลค่าสูง เช่น ธุรกิจโกดังเก็บของ StorageNow Holdings ที่เขาเริ่มต้นซื้อมา $500,000 และขายทิ้งไปในราคามากกว่า $4.5 ล้าน
นอกจากนั้นเควินยังได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัทกองทุนหลายกองทุน จนในปี 2008 เขาได้ได้สร้างบริษัทกองทุนสำหรับลงทุนในธุรกิจของเขาเองชื่อบริษัทว่า O’Leary Funds Inc. โดยเขาสามารถเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่ลงทุนไป $400 ล้าน ไปถึง $1.2 พันล้าน ภายใน 1 ปี ในช่วงปี 2011–2012
ยังไม่หมดแค่นั้น เควินยังสร้างบริษัทกองทุนของเขาเพิ่มอีก โดยใช้ชื่อว่า O’Leary Ventures ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ลงทุนธุรกิจในระดับเริ่มต้นโดยเฉพาะ (Early-stage) ซึ่งนับได้ว่าเควินเป็นคนที่อุทิศให้กับอาชีพนักลงทุนในธุรกิจจริงๆ
โดยช่วงที่เป็นนักลงทุนนี้ เควินยังได้มีโอกาสไปออกสื่อในรายการโทศทัศน์หลายรายการ โดยเฉพาะในรายการ Dragon Den และ Shark Tank ที่เป็นรายการในการลงทุนธุรกิจสำหรับเขาโดยเฉพาะ ทำให้เขามีโอกาสในการลงทุนในธุรกิจต่างๆเพิ่มมากขึ้นไปอีก(ท่านใดไม่รู้จักสองรายการนี้สามารถไปอ่านรายละเอียดได้ในลิงค์ด้านล่างคร่าวๆ)
เริ่มแรกเขาเป็นนักลงทุนประจำในรายการ Dragon Den ของประเทศแคนาดา แต่ต่อมาเขาได้ย้ายมารายการ Shark Tank ของสหรัฐอเมริกาแทน ซึ่งในฐานะนักลงทุนที่ออกสื่อโทรทัศน์เขาสามารถทำได้ค่อนข้างดี ถึงภาพลักษณ์ของเควินจะออกมาค่อนข้างเหมือนคนที่โหดร้าย แต่สิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนจำเขาได้ โดยมีครั้งหนึ่งในรายการมีนักธุรกิจที่มาขอทุน แต่โดนเขาคอมเมนต์เกี่ยวกับธุรกิจจนร้องให้ ซึ่งเขาบอกว่า
“เงินมันไม่แคร์คุณหรอก น้ำตาของคุณที่ร้องให้ออกไปมันไม่ได้เพิ่มมูลค่าอะไรเลย”
ด้วยสไตล์การพูดที่อยู่ในโลกความจริงไปหน่อย และเวลาลงทุนกับเขามักจะไม่ได้แค่แลกมากับหุ้นที่เสียไป แต่ร่วมไปถึงดอกเบี้ยจากการกู้และค่าลิขสิทธ์จากยอดขายพ่วงมากับข้อเสนอ ด้วยเหตุนั้น ช่วงที่ได้ออกรายการ Shark Tank เขาได้ถูกตั้งฉายาว่า “Mr. Wonderful” หรือ “บุรุษมหัศจรรย์” ซึ่งเป็นฉายาที่นักธุรกิจที่ได้รับคอมเมนต์จากเขาตั้งประชดว่าคุณนี่ช่างมหัศจรรย์จริงๆ
ถึงตอนออกรายการ เควินจะเป็นคนสไตล์อย่างนั้น แต่เอาเข้าจริง ในรายการ มีธุรกิจมากมายที่เขาได้ลงทุน และนักธุรกิจหลายคนที่ได้รับการทุนนั้นต่างก็ประทับใจในเควิน ซึ่งในรายการ Shark Tank เควินได้ลงทุนไปแล้วกว่า 88 ธุรกิจ ด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่มากถึง $21 ล้าน โดยธุรกิจที่เขาสนใจเป็นพิเศษจะเป็นประเภทอาหาร, ไลฟ์สไตล์ทั่วไป, สุขภาพ, เด็ก และเทคโนโลยี ซึ่งถ้าเป็นการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับเด็กเขามักกล่าวว่า จนถึง ณ ตอนนี้ เขาได้ช่วยเด็กกว่าล้านคนอ่านหนังสือมาแล้ว
ในปัจจุบันเควินมีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ $400 ล้าน ซึ่งเขาก็ยังเป็นนักลงทุนเต็มตัว และบางครั้งก็มีโอกาสไปช่วยงานในภาครัฐ โดยเขามีธุรกิจใหญ่ๆที่ดูแลเพิ่มเติม คือ พวกธุรกิจกลุ่มการเงิน เช่น O’Shares ETFs, และ O’Leary Publishing รวมถึงธุรกิจ O’Leary Fine Wines ที่ได้รับรางวัลชนะประกวดไวน์มา
นี่เป็น 10 บทเรียนในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของเขาอ้างอิงจาก Rick James
- ธุรกิจ คือ สงคราม
- เงิน คือ ทหารของคุณ
- ทักษะความเป็นผู้ประกอบการ = อิสละภาพ
- ใช้เงินเฉพาะจากดอกเบี้ย อย่าใช้เงินต้น
- อย่าไปหลังรักในไอเดียที่แย่
- โอกาสมาไวไปไว
- แพสชั่นไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
- ยอดขาย คือ ทุกอย่าง
- เงินมันไม่ได้แคร์คุณ
- ราคาของการสำเร็จมันสูงนะ
สรุปส่งท้าย
เป็นยังบ้างครับชีวประวัติของเควิน สมกับฉายา Mr. Wonderful หรือเปล่า เอาจริงนะครับ จุดที่ผมชอบประวัติของเควินที่สุดก็คือ การที่เขาเล่าความจริงในโลกธุรกิจครับ ซึ่งในโลกธุรกิจมันไม่ได้สวยงาม ทุกคนต้องสู้รบกัน ไม่มีใครปราณีใคร มีแค่ผู้แพ้กับผู้ชนะ ถ้าเราเป็นผู้แพ้เราก็ควรรีบสละทัพ เหมือนกับเคสของเควินที่เขาขายบริษัท TLC ทิ้งในช่วงธุรกิจขาลง และทำให้ฝ่ายที่ซื้อต้องกัดฟันเจ็บใจไป เป็นชีวประวัติที่น่าสนใจมากครับ บทเรียนที่ได้รับจากเขาเหล่านี้ผมคิดว่าสามารถนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจได้จริงทันทีเลย โดยในตอนหน้านะครับ ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับกับประวัติของ ลอริ เกริเนอร์ (Lori Greiner) หรือ ราชินีแห่งรายการ QVC ผู้ประดิษฐ์สินค้ากว่า 500 ชิ้น และมีสิทธิบัตรกว่า 120 รายการ ใครที่สนใจ อย่าลืมอาทิตย์หน้ามาติดตามกันครับ :)