abc

EP 20 : Robert Herjavec จากคนยอมทำงานฟรี ไปสู่เจ้าพ่อ Cyber Security

Nut P
2 min readJul 4, 2020

--

ตอนนี้นะครับ ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับประวัติของ โรเบิร์ต เฮอร์จาเวค (Robert Herjavec) ผู้ก่อตั้ง Herjavec Group บริษัทชั้นนำด้าน Cyber Security ระดับโลก หรือหนึ่งในนักลงทุนรายการ Shark Tank ชื่อดังนี่เอง ประวัติของเขาก็ค่อนข้างน่าสนใจครับ สำหรับคนที่อยากทำ Tech Company เองก็ไม่ควรพลาด ใครพร้อมแล้วก็เชิญรับชมได้เลยครับ

“ยอมทำงานฟรี 6 เดือน แต่ผลที่ได้ คือ ประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจตนเองที่มีมูลค่ากว่า $30.2 ล้าน”

โรเบิร์ตเกิดปี 1962 ในครอบครัวยากจนในยูโกสลาเวีย เรื่องราวของโรเบิร์ตเริ่มตอนอายุ 8 ขวบ ตั้งแต่เขากับครอบครัวได้อพยพจากยูโกสลาเวียมาแคนาเดียด้วยกระเป๋าเพียงใบเดียวกับเงิน $20

เริ่มแรกโรเบิร์ตเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ด้วยความมานะบากบั่น บอกกับตัวเองว่าชีวิตต้องดีขึ้น ตอนเขาอายุ 22 ปี โรเบิร์ตสามารถจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยโตแรนโต้ ในสาขาวรรณกรรมอังกฤษและการปกครอง โดยโรเบิร์ต กล่าวว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกเรียนสาขานี้ เพราะ ทักษะในการสื่อสารเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก

หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาได้เลือกทำงานในธุรกิจภาพยนต์สักระยะหนึ่ง และหลังจากนั้นเขาก็ได้มีความตั้งใจอยากผันตัวมาทำบริษัทด้านเทคโนโลยี ด้วยที่เขาเล็งเห็นว่าธุรกิจด้านนี้เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต โดยเริ่มต้นโรเบิรต์ได้ลองไปสมัครงานตำแหน่งพนักงานขาย IBM Mainframe และก็ตามคาดว่าเขาไม่ถูกเลือก แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายเขาก็สามารถเข้าไปทำงานตำแหน่งนั้นได้ในที่สุด เนื่องด้วยเขาได้เสนอยอมทำงานแบบฟรีๆให้ 6 เดือน

การทำงานในบริษัทเทคโนโลยีของเขาก็ผ่านไปด้วยดี โรเบิร์ตได้มีโอกาสสัมผัสธุรกิจเทคโนโลยีและทำงานสลับหลายๆตำแหน่ง จนสุดท้ายเขาสามารถก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป (GM) และถูกไล่ออกในปี 1990

ถึงจะถูกไล่ออกมา แต่โรเบิร์ตก็ไม่หวาดหวั่น ด้วยประสบการณ์ที่สะสมมาอันทำให้รู้เกี่ยวกับธรรมชาติของธุรกิจเทคโนโลยีทุกซอกทุกมุม เขาได้เริ่มทำธุรกิจ Internet Security บนห้องใต้ดินบ้านของเขาในชื่อว่า BRAK Systems

BRAK Systems เติบโตอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็กลายเป็นบริษัท Internet Security ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา โดยในปี 2000 โรเบิร์ตได้ขายบริษัทให้แก่ AT&T Canada (Allstream Inc.) ด้วยเงิน $30.2 ล้าน และหลังจากนั้นเขาก็ได้ขึ้นเป็นตำแหน่ง VP ในบริษัทเทคโนโลนีอีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Ramp Network โดยไม่นานบริษัทนั้นก็ถูกขายไปให้ Nokia เป็นเงินจำนวน $225 ล้าน ซึ่งโรเบิร์ต

หลังจากได้เงินมาจำนวนมหาศาล เขาก็ได้ไปใช้ชีวิตสุขสำราญกับครอบครัวสักระยะหนึ่ง จนในปี 2003 เขาได้กลับมาเริ่มสร้างอาณาจักรธุรกิจของเขาใหม่ในนามว่า Herjavec Group เป็นธุรกิจ Cyber Security ครบวงจร ที่เริ่มต้นจากพนักงาน 3 คน ด้วยรายได้ $400,000 จนสุดท้ายก้าวไปได้จนถึงระดับ $200 ล้าน ซึ่งมีคนมาถามว่าเขามีแผนจะขายบริษัทนี้เหมือนอย่างที่เคยทำไหม โดยโรเบิร์ตกล่าวว่า “ไม่ ธุรกิจนี้ผมคงไม่ขายทิ้งหรอก คงอีกยาวไกล เพราะ ผมมีแผนจะสร้างธุรกิจนี้ให้เป็นธุรกิจพันล้าน”

นอกจากการทำธุรกิจแล้ว โรเบิร์ตยังมีกิจกรรมยามว่างที่เขาชอบทำอีกหลายๆอย่าง อย่างการลงแข่งรถเฟอรารีที่เขาเคยคว้าได้ถึงอันดับ 2 ก็มีมาแล้ว

ซึ่งเขากล่าวว่าการทำธุรกิจของเขาก็เหมือนกับการแข่งรถ

“คุณต้องโฟกัสมากเมื่อคุณต้องขับรถที่มีความเร็วกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง เหมือนกับการทำธุรกิจในวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวอย่างรวดเร็วที่คุณต้องใช้วิธีรับมือเดียวกัน”

ในปี 2006 โรเบิร์ตเริ่มผันตัวกลายเป็นนักลงทุน โดยเขาได้ไปออกอากาศในฐานะนักลงทุนประจำในรายการ Dragon Den ของแคนาดา ซึ่งเป็นรายการที่มีนักธุรกิจมาพูดเสนอธุรกิจของตนเพื่อใช้ในการขอทุนขยายธุรกิจ โดยเขาได้ออกอากาศจำนวนทั้งหมด 6 Season และหลังจากนั้นเขาก็ได้ไปเป็นนักลงทุนประจำในรายการ Shark Tank ของสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบันแทน (สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับรายการ Shark Tank ได้ลิงค์ข้างล่าง)

ในปัจจุบันรายการ Shark Tank ผ่านมาแล้ว 11 ปี โรเบิร์ตได้เข้าไปลงทุนและช่วยผู้ประกอบการทั้งหมด 95 ธุรกิจ ด้วยจำนวนเงินกว่า $27 ล้าน (810 ล้านบาท) ธุรกิจของเขาส่วนมากที่ลงทุนไปจะกระจายไปทุกๆกลุ่ม โดยจะมีกลุ่มอาหารที่เขาลงทุนค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับนักลงทุนในรายการคนอื่นๆ

มีหลายธุรกิจที่โรเบิร์ตได้เข้าไปช่วยเหลือและเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น ใครจะไปรู้ว่าธุรกิจขายเสื้อคริสมาสต์ตลกๆอย่าง Tipsy Elves จะกลายเป็นธุรกิจที่มียอดขายกว่า $125 ล้าน ได้ในวันนี้

ในปัจจุบันโรเบิร์ตมีสินทรัพย์สุทธิถือครองทั้งสิ้น $200 ล้าน โดยในอนาคตเขาก็ยังคงมุ่งเป้าที่จะลงทุนและขยายธุรกิจให้ไปถึงระดับพันล้านต่อไป

ปิดท้ายโรเบิร์ตได้บอกถึงเคล็ดลับ 10 ประการในการทำให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จบนโพส Linkedin ของเขาว่า

  1. เชื่อในธุรกิจ และเชื่อในตัวคุณ
  2. ลองทดสอบก่อน แล้วค่อยกระโดดลงไปทำจริง
  3. ทุกคนโกหก
  4. พกเข็มทิศติดตัว เหมือนที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์เสมอ
  5. ถ้าเขาจับคุณไม่ได้ ก็หมายความว่าเขาไม่สามารถคว่ำคุณได้
  6. ขยันให้เหมือนวิ่งมาราธอน
  7. ล่าเหยื่อสำหรับมื้อค่ำของคุณอย่าหยุด
  8. การทำธุรกิจ ไม่มี Work Life Balance
  9. การโฟกัสไปกับธุรกิจไปอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก
  10. ผลทั้งหมดขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณ

สรุปส่งท้าย

สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้โรเบิร์ตก้าวมาใกลถึงเพียงนี้ เพราะ การที่เขาเจอความยากลำบากตั้งแต่ที่เขาเกิดมา ความกระหายที่อยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น เป็นตัวจุดฉนวนยอมแลกกับการทำงานฟรี 6 เดือนในบริษัทเทคโนโลยี จนสุดท้ายสามารถนำประสบการณ์เหล่านี้มาสร้างธุรกิจของตนและประสบผลสำเร็จ เหมือนกับเพื่อนที่อยากทำธุรกิจครับ ลองไปสัมผัสการทำงานของธุรกิจนั้นจริงๆ แม้ว่าการไปสัมผัสนั้นอาจจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง แต่ถ้าสุดท้ายถ้าเราได้เรียนรู้และสามารถนำสิ่งเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ได้ ก็จะเป็นอะไรที่คุ้มค่าอย่างหามิสุดมิได้ครับ โดยในตอนหน้านะครับ ผมก็จะมาเล่าเกี่ยวกับประวัติของเควิน แลร์รี่ (Kevin O’Leary) นักธุรกิจชาวแคนาเดียน อดีตผู้ทำบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ ผู้ได้รับฉายาว่า “Mr. Wonderful” หรือ “บุรุษมหัศจรรย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนของรายการ Shark Tank เช่นกันเดียว สำหรับใครที่สนใจก็อย่าลืมติดตามกันนะครับผม

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet