EP 20 : Robert Herjavec จากคนยอมทำงานฟรี ไปสู่เจ้าพ่อ Cyber Security
ตอนนี้นะครับ ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับประวัติของ โรเบิร์ต เฮอร์จาเวค (Robert Herjavec) ผู้ก่อตั้ง Herjavec Group บริษัทชั้นนำด้าน Cyber Security ระดับโลก หรือหนึ่งในนักลงทุนรายการ Shark Tank ชื่อดังนี่เอง ประวัติของเขาก็ค่อนข้างน่าสนใจครับ สำหรับคนที่อยากทำ Tech Company เองก็ไม่ควรพลาด ใครพร้อมแล้วก็เชิญรับชมได้เลยครับ
“ยอมทำงานฟรี 6 เดือน แต่ผลที่ได้ คือ ประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจตนเองที่มีมูลค่ากว่า $30.2 ล้าน”
โรเบิร์ตเกิดปี 1962 ในครอบครัวยากจนในยูโกสลาเวีย เรื่องราวของโรเบิร์ตเริ่มตอนอายุ 8 ขวบ ตั้งแต่เขากับครอบครัวได้อพยพจากยูโกสลาเวียมาแคนาเดียด้วยกระเป๋าเพียงใบเดียวกับเงิน $20
เริ่มแรกโรเบิร์ตเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ด้วยความมานะบากบั่น บอกกับตัวเองว่าชีวิตต้องดีขึ้น ตอนเขาอายุ 22 ปี โรเบิร์ตสามารถจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยโตแรนโต้ ในสาขาวรรณกรรมอังกฤษและการปกครอง โดยโรเบิร์ต กล่าวว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกเรียนสาขานี้ เพราะ ทักษะในการสื่อสารเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาได้เลือกทำงานในธุรกิจภาพยนต์สักระยะหนึ่ง และหลังจากนั้นเขาก็ได้มีความตั้งใจอยากผันตัวมาทำบริษัทด้านเทคโนโลยี ด้วยที่เขาเล็งเห็นว่าธุรกิจด้านนี้เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต โดยเริ่มต้นโรเบิรต์ได้ลองไปสมัครงานตำแหน่งพนักงานขาย IBM Mainframe และก็ตามคาดว่าเขาไม่ถูกเลือก แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายเขาก็สามารถเข้าไปทำงานตำแหน่งนั้นได้ในที่สุด เนื่องด้วยเขาได้เสนอยอมทำงานแบบฟรีๆให้ 6 เดือน
การทำงานในบริษัทเทคโนโลยีของเขาก็ผ่านไปด้วยดี โรเบิร์ตได้มีโอกาสสัมผัสธุรกิจเทคโนโลยีและทำงานสลับหลายๆตำแหน่ง จนสุดท้ายเขาสามารถก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป (GM) และถูกไล่ออกในปี 1990
ถึงจะถูกไล่ออกมา แต่โรเบิร์ตก็ไม่หวาดหวั่น ด้วยประสบการณ์ที่สะสมมาอันทำให้รู้เกี่ยวกับธรรมชาติของธุรกิจเทคโนโลยีทุกซอกทุกมุม เขาได้เริ่มทำธุรกิจ Internet Security บนห้องใต้ดินบ้านของเขาในชื่อว่า BRAK Systems
BRAK Systems เติบโตอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็กลายเป็นบริษัท Internet Security ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา โดยในปี 2000 โรเบิร์ตได้ขายบริษัทให้แก่ AT&T Canada (Allstream Inc.) ด้วยเงิน $30.2 ล้าน และหลังจากนั้นเขาก็ได้ขึ้นเป็นตำแหน่ง VP ในบริษัทเทคโนโลนีอีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Ramp Network โดยไม่นานบริษัทนั้นก็ถูกขายไปให้ Nokia เป็นเงินจำนวน $225 ล้าน ซึ่งโรเบิร์ต
หลังจากได้เงินมาจำนวนมหาศาล เขาก็ได้ไปใช้ชีวิตสุขสำราญกับครอบครัวสักระยะหนึ่ง จนในปี 2003 เขาได้กลับมาเริ่มสร้างอาณาจักรธุรกิจของเขาใหม่ในนามว่า Herjavec Group เป็นธุรกิจ Cyber Security ครบวงจร ที่เริ่มต้นจากพนักงาน 3 คน ด้วยรายได้ $400,000 จนสุดท้ายก้าวไปได้จนถึงระดับ $200 ล้าน ซึ่งมีคนมาถามว่าเขามีแผนจะขายบริษัทนี้เหมือนอย่างที่เคยทำไหม โดยโรเบิร์ตกล่าวว่า “ไม่ ธุรกิจนี้ผมคงไม่ขายทิ้งหรอก คงอีกยาวไกล เพราะ ผมมีแผนจะสร้างธุรกิจนี้ให้เป็นธุรกิจพันล้าน”
นอกจากการทำธุรกิจแล้ว โรเบิร์ตยังมีกิจกรรมยามว่างที่เขาชอบทำอีกหลายๆอย่าง อย่างการลงแข่งรถเฟอรารีที่เขาเคยคว้าได้ถึงอันดับ 2 ก็มีมาแล้ว
ซึ่งเขากล่าวว่าการทำธุรกิจของเขาก็เหมือนกับการแข่งรถ
“คุณต้องโฟกัสมากเมื่อคุณต้องขับรถที่มีความเร็วกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง เหมือนกับการทำธุรกิจในวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวอย่างรวดเร็วที่คุณต้องใช้วิธีรับมือเดียวกัน”
ในปี 2006 โรเบิร์ตเริ่มผันตัวกลายเป็นนักลงทุน โดยเขาได้ไปออกอากาศในฐานะนักลงทุนประจำในรายการ Dragon Den ของแคนาดา ซึ่งเป็นรายการที่มีนักธุรกิจมาพูดเสนอธุรกิจของตนเพื่อใช้ในการขอทุนขยายธุรกิจ โดยเขาได้ออกอากาศจำนวนทั้งหมด 6 Season และหลังจากนั้นเขาก็ได้ไปเป็นนักลงทุนประจำในรายการ Shark Tank ของสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบันแทน (สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับรายการ Shark Tank ได้ลิงค์ข้างล่าง)
ในปัจจุบันรายการ Shark Tank ผ่านมาแล้ว 11 ปี โรเบิร์ตได้เข้าไปลงทุนและช่วยผู้ประกอบการทั้งหมด 95 ธุรกิจ ด้วยจำนวนเงินกว่า $27 ล้าน (810 ล้านบาท) ธุรกิจของเขาส่วนมากที่ลงทุนไปจะกระจายไปทุกๆกลุ่ม โดยจะมีกลุ่มอาหารที่เขาลงทุนค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับนักลงทุนในรายการคนอื่นๆ
มีหลายธุรกิจที่โรเบิร์ตได้เข้าไปช่วยเหลือและเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น ใครจะไปรู้ว่าธุรกิจขายเสื้อคริสมาสต์ตลกๆอย่าง Tipsy Elves จะกลายเป็นธุรกิจที่มียอดขายกว่า $125 ล้าน ได้ในวันนี้
ในปัจจุบันโรเบิร์ตมีสินทรัพย์สุทธิถือครองทั้งสิ้น $200 ล้าน โดยในอนาคตเขาก็ยังคงมุ่งเป้าที่จะลงทุนและขยายธุรกิจให้ไปถึงระดับพันล้านต่อไป
ปิดท้ายโรเบิร์ตได้บอกถึงเคล็ดลับ 10 ประการในการทำให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จบนโพส Linkedin ของเขาว่า
- เชื่อในธุรกิจ และเชื่อในตัวคุณ
- ลองทดสอบก่อน แล้วค่อยกระโดดลงไปทำจริง
- ทุกคนโกหก
- พกเข็มทิศติดตัว เหมือนที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์เสมอ
- ถ้าเขาจับคุณไม่ได้ ก็หมายความว่าเขาไม่สามารถคว่ำคุณได้
- ขยันให้เหมือนวิ่งมาราธอน
- ล่าเหยื่อสำหรับมื้อค่ำของคุณอย่าหยุด
- การทำธุรกิจ ไม่มี Work Life Balance
- การโฟกัสไปกับธุรกิจไปอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก
- ผลทั้งหมดขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณ
สรุปส่งท้าย
สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้โรเบิร์ตก้าวมาใกลถึงเพียงนี้ เพราะ การที่เขาเจอความยากลำบากตั้งแต่ที่เขาเกิดมา ความกระหายที่อยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น เป็นตัวจุดฉนวนยอมแลกกับการทำงานฟรี 6 เดือนในบริษัทเทคโนโลยี จนสุดท้ายสามารถนำประสบการณ์เหล่านี้มาสร้างธุรกิจของตนและประสบผลสำเร็จ เหมือนกับเพื่อนที่อยากทำธุรกิจครับ ลองไปสัมผัสการทำงานของธุรกิจนั้นจริงๆ แม้ว่าการไปสัมผัสนั้นอาจจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง แต่ถ้าสุดท้ายถ้าเราได้เรียนรู้และสามารถนำสิ่งเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ได้ ก็จะเป็นอะไรที่คุ้มค่าอย่างหามิสุดมิได้ครับ โดยในตอนหน้านะครับ ผมก็จะมาเล่าเกี่ยวกับประวัติของเควิน แลร์รี่ (Kevin O’Leary) นักธุรกิจชาวแคนาเดียน อดีตผู้ทำบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ ผู้ได้รับฉายาว่า “Mr. Wonderful” หรือ “บุรุษมหัศจรรย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนของรายการ Shark Tank เช่นกันเดียว สำหรับใครที่สนใจก็อย่าลืมติดตามกันนะครับผม