สวัสดีครับ หลังจากที่หายไปนาน เพราะ มัวแต่ไปนั่งทำงานวิจัย โดย EP นี้นะครับ ผมนำ Data จากรายการ Pitching ที่เรียกว่าดังที่สุดในโลกก็ว่าได้แล้ว มาวิเคราะห์ และดูแนวทางว่าคนส่วนใหญ่เขาขึ้นเวที Pitch แบบไหนกัน ผลการวิเคราะห์ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ต้องการไป Pitch ขอทุนครับไม่ว่าจะเป็น SME หรือ Startup หรือถ้าใครยังไม่สมใจกับผลวิเคราะห์ และต้องการวิเคราะห์เพิ่มเติม ผมก็มี Raw Data ให้ สำหรับในการนำไปใช้เองเลย ซึ่ง Data นี้ก็นอกจากใช้ไปวิเคราะห์ต่อได้แล้ว ยังใช้เป็นไอเดียธุรกิจต่อยอดได้เยอะแยะครับ สำหรับใครที่สนใจเชิญติดตามได้เลยครับผม
เขาว่ากันว่า ธุรกิจกลุ่ม Tech มาแรง จริงไหม…?
ก่อนอื่นมารู้จักรายการ Shark Tank ก่อนคร่าวๆนะครับ
รายการ Shark Tank ถ้าจะให้อธิบายเป็นภาษาง่ายๆ คือ รายการที่นักธุรกิจมา Pitch ให้นักลงทุนฟังเพื่อใช้ในการขอทุนไปขยายธุรกิจของตัวเองเพิ่มครับ
เป็นรายการหนึ่งที่ได้รับความนิยมใน US มากมาย เนื่องจากเป็นรายการที่นอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว ยังเป็นรายการที่ให้ความรู้ รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่ชาวอเมริกันเขาชอบเรียกกันว่า “American Dream”
เริ่มต้นการที่จะได้มาออกในรายการนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เขาเรียกกันว่าเป็นประเทศเสรี มีธุรกิจมากมายจากประชากรสหรัฐ 328 ล้านคนที่ต้องมาแข่งขันเพื่อเข้าคัดเลือกมา Pitch รายการนี้
แต่ละด่านก่อนเข้ามาก็หินทั้งนั้น แต่ถ้าผ่านได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะได้ออกรายการไปขึ้น Pitch กับนักลงทุน ถ่ายทอดไปทั่วสหรัฐอเมริกา
เริ่มต้นรายการ นักธุรกิจจะต้องรออยู่หน้าประตูด้วยความตื่นเต้น
พอถึงเวลาแล้ว ประตูก็จะเปิดออก เพื่อต้อนรับนักธุรกิจคนนั้นเข้าสู่แทงค์ปลาฉลาม หรือคือห้องที่นักลงทุนนั่งรอเหยื่ออยู่ ซึ่งก็ต้องดูมาว่านักธุรกิจคนนั้นจะกลายเป็นมิตรของปลาฉลาม หรือจะต้องร้องให้กลับไป
พอเข้ามาถึงห้อง นักธุรกิจคนนั้นก็จะต้องแนะนำชื่อธุรกิจ พร้อมกล่าวถึงข้อเสนอว่าเงินลงทุนที่ต้องการคือเท่าไร และต้องแลกมากับหุ้นของธุรกิจกี่ %
หลังจากนั้นก็จะเป็นการเล่าเกี่ยวกับธุรกิจของตัวเองด้วยเวลาจำกัด
สิ่งที่นักธุรกิจต้องทำนั้น คือ Pitch ยังไงก็ได้ให้ธุรกิจดูน่าสนใจ และสามารถดึงดูดเหล่าฉลามหรือนักลงทุนให้ได้มากที่สุด
แต่ละธุรกิจก็จะมีกลยุทธ์การ Pitch แปลกๆกันมากมาย บางอันก็มาจากตำราเลย หรือบางอันก็มาแบบหลุดโลก ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
หลังจากที่ Pitch เสร็จ ก็จะเป็นช่วงถามตอบกับนักลงทุน เป็นช่วงที่เรียกว่า เป็นช่วงดับฝันของนักธุรกิจหลายคน ถ้านักธุรกิจคนนั้นทำการบ้านไม่ดี หรือธุรกิจนั้นไม่ใช่ของจริง
ถ้ามีนักลงทุนคนใดสนใจ ก็จะช่วงเป็นการต่อรองข้อเสนอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการต่อราคาลง ช่วงนี้เป็นจุดวัดใจและจุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดของรายการครับ ด้วยที่นักธุรกิจคนนั้นจะตัดสินใจรับข้อเสนอเลย หรือจะต่อรอง หรือจะรอนักลงทุนคนอื่น เพื่อข้อเสนอที่ดีกว่า ซึ่งบางครั้งการที่ไม่รับข้อเสนอทันที ณ ตอนนั้น ก็อาจเป็นสิ่งพลาดมหันต์ จนต้องอดข้อเสนออันหนึ่งเดียวและม้วนเสื่อกลับบ้านไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้ทักษะในการต่อรอง และความสามารถในการตัดสินใจทั้งสิ้น การดูประสบการณ์จริงจากรายการนี้ก็จะเป็นช่องทางการพัฒนาทักษะเหล่านั้นได้อย่างดีเยี่ยมครับ
โดยสุดท้าย คนที่ได้รับข้อเสนอ ก็จะได้เงินทุน พร้อมกับการเป็นพาร์ทเนอร์กับนักลงทุนคนนั้นเพื่อไปขยายธุรกิจต่อไป ส่วนคนที่ไม่มีนักลงทุนคนใดรับข้อเสนอเลยก็ต้องเดินตัวเปล่ากลับบ้าน แต่ถึงอย่างไรก็ตามคนที่ไม่ได้ข้อเสนอก็ไม่ใช่ว่าจะได้เดินกลับตัวเปล่าจริงนะครับ เพราะ ต่อให้ถูกปฎิเสธข้อเสนอ แต่การออกอากาศรายการนี้เหมือนเป็นการโฆษณาประกาศให้คนทั่วประเทศรู้จัก ซึ่งคนถูกปฏิเสธจากนักลงทุน แต่ได้ยอดขายเพิ่ม 10 เท่า หลังจากออกอากาศก็มีมาแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงเข้ามาแย่งขึ้น Pitch เพื่อออกรายการนี้มาก
ใครที่สนใจที่อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือ Startup ผมแนะนำให้ดูรายการนี้เป็นอย่างมากครับ ทั้งช่วยเรื่องไอเดีย ขัดเกลาความรู้ทางธุรกิจ และอื่นๆมากมาย ซึ่งข้อดี คือ ธุรกิจที่มันมาในรายการไม่ใช่เรื่อง Tech อย่างเดียวนะครับ แต่ครอบคลุมเกี่ยวกับธุรกิจทุกกลุ่ม รับรองดูได้ไม่มีเบื่อ จะมีรายการที่คล้ายๆกันที่ชือว่า Dragon Den แต่ถ้าให้ผมเปรียบเทียบกับรายนี้ บอกได้เลยว่ารายการ Shark Tank ดู Production และนักลงทุนดีกว่าเยอะครับ (Shark Tank ในเมืองไทย ตอนนี้ก็มีนะครับ แต่ยังอยู่ในแค่ช่วงเริ่มต้น ลองติดตามได้ครับผม)
ในปัจจุบันมีทั้ง 11 Season ครับ Season นึงเฉลี่ย 24 ตอน ถ้าจะให้ดูตั้งแต่แรกจนจบ ตอนนี้ก็จะมีธุรกิจทั้งหมด 991 ธุรกิจ ให้รับชม โดยที่ปกติก็จะมีฉายที่ช่อง ABC ของ US นะครับ แต่ถ้าเป็นบ้านเราก็ดูผ่าน Netflix โลด
และนี่คือโฉมหน้านักลงทุน 6 คนหลักในรายการนี้ครับ
เรียงจากรูปซ้ายไปขวา
บาบาร่า คอร์คอรัน (Barbara Corcoran) : นักธุรกิจหญิง เจ้าแม่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก
เดมอนต์ จอห์น (Daymond John) : เจ้าของแบรนด์ FUBU ธุรกิจแฟชั่นระดับโลก
มาร์ค คิวบาน (Mark Cuban) : เศรษฐีพันล้าน เจ้าของทีมบาส NBA Dallas Maverick
เควิน แลร์รี่ (Kevin O’Leary) : นักธุรกิจชาวแคนาเดียน อดีตผู้ทำบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่
โรเบิร์ต เฮอร์จาเวค (Robert Herjavec) : ผู้ก่อตั้ง Herjavec Group บริษัทชั้นนำด้าน Cyber Security ระดับโลก
ลอริ เกริเนอร์ (Lori Greiner) : ราชินีแห่งรายการ QVC ผู้ประดิษฐ์สินค้ากว่า 700 ชิ้น และมีสิทธิบัตรกว่า 120 รายการ
ตัวอย่างธุรกิจจาก Shark Tank ที่ผมเคยเขียนเป็นบทความครับ
.
.
ตอนนี้เรารู้จักรายการ Shark Tank แล้ว
ต่อมาเรามาดู Insight จาก Data ทั้งหมด 991 ธุรกิจดีกว่า ว่าผลเป็นอย่างไร
แรงบันดาลใจครั้งนี้เกิดจากที่ผมมองว่า Data จากรายการ Shark Tanks เป็น Data ที่แสดงถึงเทรนด์การ Pitch และภาพรวมทางธุรกิจมากที่สุดแล้ว และน่าจะนำไปใช้ประยุกต์กับการ Pitch บ้านเราได้ และนี่คือผลที่ได้ครับ
นี่เป็นกราฟแสดงสัดส่วนของธุรกิจในแต่ละกลุ่มที่มา Pitch ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา
จะมีกลุ่มอาหาร (Food and Beverage) กับพวกของใช้ทั่วไปในบ้าน (Lifestyle/Home) ที่ยังอยู่กลุ่ม Top ครับ
ส่วนพวกกลุ่มแฟชั่นและความงาม (Fashion/Beauty) เริ่มตกไป
ตามความคิดเรากลุ่มเทคโนโลยี (Software/Tech) ควรจะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนคนมา Pitch มากขึ้นในช่วง 2–3 ปีผ่านมา กลับกลายเป็นว่าเป็นกลุ่มที่ยังคงมีสัดส่วนน้อยเหมือนเดิม
แล้วตัวที่มาแรงจริงๆในช่วง 2–3 ปีผ่านมาจะเป็นกลุ่มเพื่อสุขภาพ (Health/Wellness)
อีกเรื่องที่น่าแปลกใจธุรกิจกลุ่มเด็ก (Children/Education) ก็มาแรงไม่น้อยตลอดช่วง 11 ปีที่ผ่านมา พอๆกับกลุ่มกีฬา (Fitness/Sports/Outdoors)
ต่อไปลองมาเจาะดูเฉพาะปีล่าสุด Season 11 ปี 2020
เหมือนภาพรวมสำหรับตัว Top ครับ กลุ่มอาหาร (Food and Beverage) กับพวกของใช้ทั่วไปในบ้าน (Lifestyle/Home)
แต่ตัวที่น่าสนใจกว่าคืออันดับ 3 และ 4 นั่นคือ กลุ่มเพื่อสุขภาพ (Health/Wellness) และธุรกิจกลุ่มเด็ก (Children/Education) เป็น 2 ธุรกิจทางเลือกที่ควรโฟกัสในปัจจุบันนี้จริง
ต่อไปเรามามองในมุมมองของเพศของนักธุรกิจที่มา Pitch นะครับ
โดยกราฟนี้ผมแสดงเอาเพศของคนที่ขึ้น Pitch ในธุรกิจแต่ละกลุ่มมาเปรียบเทียบเลยครับ ซึ่งจะเห็นว่าแต่ละเพศมีความสนในการ Pitch แต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน (Mixed Team คือ ธุรกิจที่มา Pitch ทั้งชายและหญิง)
โดยเมื่อมาเจาะลึกดูสัดส่วนรายเพศ
ตามคาดครับ ผู้หญิงจะชอบ Pitch ธุรกิจกลุ่มแฟชั่น (Fashion/Beauty) อาหาร (Food and Beverage) และเด็ก (Children/Education)
ส่วนเรื่องเทคโนโลยี (Software/Tech) กับกีฬา (Fitness/Sports/Outdoors) นี่ต้องส่ายหัว
ส่วนผู้ชายนี่จะไปเน้นกลุ่มของใช้ในบ้าน (Lifestyle/Home) อาหาร (Food and Beverage) กีฬา (Fitness/Sports/Outdoors) และแฟชั่น (Fashion/Beauty) นะครับ
เรื่องเทคโนโลยี (Software/Tech) ถึงสัดส่วนจะน้อยแต่ก็นับได้ว่ามากกว่าผู้หญิงเยอะ ส่วนเรื่องที่ผู้ชายไม่ค่อยสนใจก็คือเรื่องเด็ก (Children/Education)
ต่อไปแบบรวมพลมา Pitch ทั้งครอบครัว ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ส่วนนี้กลุ่ม Top ก็จะเป็นอาหาร (Food and Beverage) ของใช้ภายในบ้าน (Lifestyle/Home) และเด็ก (Children/Education) โดยถ้านำมาเปรียบเทียบกับชาย หญิง ตัวที่เห็นดันชัดสุด คือ กลุ่มเพื่อสุขภาพ (Health/Wellness) ที่ชอบมา Pitch แบบรวมพลทั้งหญิงและชาย
.
ลองสรุปชัดๆลองดูเพศของคนส่วนมากที่ขึ้น Pitch ในแต่ละกลุ่ม
ธุรกิจเด็ก (Children/Education) >>>ผู้หญิง
ธุรกิจแฟชั่น (Fashion/Beauty) >>>ผู้หญิง
ธุรกิจกีฬา (Fitness/Sports/Outdoors) >>>ผู้ชาย หรือมาเป็นแพ็คคู่
ธุรกิจอาหาร (Food and Beverage) >>> ผู้หญิงหรือมาเป็นแพ็คคู่
ธุรกิจเพื่อสุขภาพ (Health/Wellness) >>> มาเป็นแพ็คคู่เลย
ธุรกิจของใช้ภายในบ้าน (Lifestyle/Home) >>> ผู้ชาย หรือมาเป็นแพ็คคู่
ธุรกิจเทคโนโลยี (Software/Tech) >>>ผู้ชาย
ต่อไปเรามาดูเรื่อง Skill กันดีกว่า
เริ่มจากการความกล้าครับ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายหมดเลยที่มา Pitch ในรายการ แสดงให้เห็นว่าผู้ชายนั้นค่อนความมีความกล้าในการขึ้น Pitch หรือถ้าเราจะแปล Data นี่ว่าความกล้า อาจใช้เป็นตัวชี้วัดที่กล่าวถึงความเป็นผู้ประกอบการที่พบว่าผู้ชายนั้นมีจำนวนในการทำธุรกิจมากกว่าเพศหญิง
(สัดส่วนคนที่มา Pitch ในรายการ)
ถึงผู้ชายจะเป็นผู้มีความกล้านะครับ แต่พอมาดูเรื่อง Pitching Skill หรือทักษะที่ทำให้นักลงทุนตอบรับข้อเสนอในการลงทุนด้วย ควรใช้ผู้หญิง Pitch หรือมาเป็นทีมระดมพลทั้งหญิงและชายผสานพลังจะดีกว่าครับ
(สัดส่วนคนที่นักลงทุนตอบรับข้อเสนอ)
เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่อง Negotiation Skill นะครับ ส่วนนี้ผมคิดจากความสามารถในการได้มูลค่าข้อเสนอจริงเทียบกับข้อเสนอที่ขอนะครับ กลับกลายเป็นว่าถ้ามาเป็นทีม จะโดนนักลงทุนกดราคาสูงสุดครับ สรุปใช้ผู้หญิงเพศเดียว Work สุดครับ เพราะ ผมคิดว่าพอเป็นผู้หญิงอย่างเดียวแล้วกรรมการจะใจอ่อนและค่อนข้างเกรงใจในเรื่องการกดราคาครับ
(สัดส่วนมูลค่าข้อเสนอที่ได้ต่อข้อเสนอที่ขอ)
สรุปสั้นๆ
ถ้าเป็นไปได้ให้ผู้หญิงไป Pitch ครับ เพราะ กรรมการหรือนักลงทุน จะใจอ่อนกว่าในเรื่องการเจรจาต่อรอง ถึงเพศชายจะเป็นเพศที่ชอบเสนอตัว เนื่องจากเป็นเพศที่มีความเป็นผู้นำ แต่เราก็ควรเสนอให้ผู้หญิงขึ้นไปก่อนครับ ให้ผู้ชายอยู่ฉากหลังแทนเพื่อผลที่ดีที่สุด
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจในช่วงนี้คือ กลุ่มเด็ก (Children/Education) และสุขภาพ (Health/Wellness) ลองไปเลือก Pitch ธุรกิจกลุ่มนี้ดูครับ
ความจริงยังมีข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมายจาก Dataset นี้ครับ สำหรับใครที่สนใจเพิ่มเติม ผมได้อัพโหลด Dataset นี้เพื่อให้เพื่อนๆไปต่อยอดในลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ สามารถใช้เป็นขุมทรัพย์หาไอเดียทางธุรกิจ ไปวิเคราะห์ต่อ หรือดูข้อมูลเชิงลึกเอง เชิญได้หมดเลยครับผม (Dataset นี้ผมรวบรวมเอง คลีนเองหมดเลยครับผม อาจจะมีบางส่วนที่ยังขาดข้อมูลไป ถ้าใครไปช่วยเพิ่ม และแชร์มาใหม่ได้ ก็จะเป็นประโยชน์มากครับ 55)
www.kaggle.com/dataset/6413c2fbbf94b95fe70088d9e83fa9f81edbd613fa1e0060311bd210e390b418
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วนะครับกับการใช้ Stat จากรายการ Shark Tank มาวิเคราะห์เรื่อง Pitching เหมือนจะจบแล้วนะครับ แต่เอาจริงยังไม่จบ เพราะ ตอนนี้จะเป็นตอนเปิดตัว ไปสู่ EP เกี่ยวกับชีวประวัตินักลงทุนใน Shark Tank ต่อไป ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนประสบความสำเร็จและมีประวัติที่น่าสนใจมาก สำหรับใครที่สนใจก็สามารถติดตามชมได้อาทิตย์หน้าครับ ขอบคุณครับ