EP 17 : รีวิวลองใช้ Chatbot ทำงานวิจัย

Nut P
3 min readApr 25, 2020

สวัสดีครับ พอดีช่วงนี้ผมได้มีโอกาสใช้ Chatbot ในการทำงานวิจัยปริญญาโท เลยอยากลองมาแชร์กับเพื่อนๆครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจทำวิจัยในแนวๆนี้ ซึ่งเนื้อหาในบทความนี้นะครับ ผมจะเริ่มเล่าตั้งแต่ที่มาของกระบวนการวิจัยเลย อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการวิจัย Chatbot จนสุดท้ายผม Apply ตัว Chatbot เข้าไปในกระบวนการวิจัยได้อย่างไร ตัวเนื้อหาก็ไม่หนักมากครับ เพราะงานวิจัยของผมเน้นไปในกลุ่ม Social Science เป็นศาสตร์แนวกึ่งวิทยาศาสตร์และบริหารครับ ดังนั้นเพื่อนที่ไม่โปรด้านเขียนโปรแกรมไม่ต้องห่วง อ่านรู้เรื่องแน่นอนครับ ใครที่สนใจก็ติดตามต่อได้เลยครับผม

“Fail Fast Done Fast แล้วสุดท้ายเราก็จะไปถึงยอดเขาได้ในที่สุด”

เริ่มจากที่มาของหัวข้องานวิจัยก่อนนะครับ วิธีการเริ่มต้นของผมอาจจะแปลกไปจากวิธีการวิจัยของทั่วไปนิดหน่อย ไม่ว่าจากการที่ไปผมไปคุยกับ Professor หรือไป Search Google ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำกันว่าให้เริ่มจากการไปอ่านงานวิจัยของคนอื่นหรือที่เขาเรียกกันว่าการทำ Literature Review ก่อน แล้วค่อยเลือกหัวข้อที่สนใจ แต่เคสของผมจะกลับกันครับ โดยที่มาถึงผมจะเลือกหัวข้อโดยอิงจากความสนใจก่อนเลย แล้วค่อยมาจับ Match กับ Literature Review ทีหลัง ซึ่งวิธีนี้มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ข้อดี คือ เราจะได้วิจัยในสิ่งที่เราอยากทำ และงานวิจัยที่เราได้ออกมานี้จะมีโอกาสได้เป็นสิ่งใหม่สูง ในทางกลับกันของข้อเสีย เนื่องจากเป็นสิ่งที่เราคิดเอง มันอาจเป็นสิ่งที่นักวิจัยเขาไม่นิยมวิจัยกัน จึงอาจมีงานวิจัยเก่าๆอ้างอิงน้อย จนสุดท้ายเป็นเหตุให้งานวิจัยของเราเฟล ถ้าเราไม่ได้ทำการคิดหาวิธีการทำวิจัยให้ดีอย่างถี่ถ้วนจริงๆ ดังนั้นเพื่อนๆสามารถหาวิธีที่เหมาะสมกับตนเองได้เลยครับ แต่ในบทความนี้ผมขออนุญาติเล่าจากมุมมองคนที่เริ่มต้นจากความสนใจตนเองก่อนนะครับผม

ที่มาของหัวข้องานวิจัยในเรื่อง Chatbot ผมก็มาจากการคิดง่ายๆครับ พอดีช่วงก่อนที่ผมมาทำงานวิจัย ผมได้มีโอกาสทำการพัฒนา Chatbot แล้วผมก็สงสัยว่าเราควรพัฒนา Chatbot ให้แบบเป็นเพศไหน หรือใช้ภาษาประมาณไหนดี ไป Search Google ก็หาไม่เจอ ทั้งที่มันน่าจะเป็นสิ่งที่ Common และมีให้ Benchmark เปรียบเทียบสักหน่อย แต่ที่แปลกใจคือมันไม่มีข้อมูลเลยครับทั้งในไทยและต่างประเทศ และนั่นก็กลายเป็นหัวข้องานวิจัยปริญญาโทผมเลย

หลังจากได้หัวข้อกว้างๆแล้ว ผมก็มาสกรีนงานวิจัยเก่าที่ใกล้เคียง ซึ่งแน่นอนครับตามคาด งานวิจัยที่ใกล้เคียงค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังพอมีบ้าง โดยตัวนี้แหละจะเป็นสิ่งที่ตัดสินใจว่าควรจะเดินงานวิจัยไปข้างหน้าต่อป่าว ถ้าไม่ เพื่อนๆก็ทำตาม Process เดิมวนไปครับ ซึ่งผมแนะนำว่าขั้นตอนนี้ให้ทำสกรีนเร็วๆครับ อย่าไปเสียเวลาอะไรกับสิ่งที่เรายังไม่เลือกมาก ให้รีบๆหาความเป็นไปได้และตัดสินใจ เมื่อได้หัวข้อที่สนใจและมีงานวิจัยเก่าอ้างอิงคร่าวๆมากพออยู่ในตัวเลขที่รับได้แล้ว ตอนนั่นค่อยมาโฟกัสและมาลุยจริงๆครับ อยากให้เป็นลักษณะสามเหลี่ยมตามรูปด้านล่างครับ ช่วงแรกตอนศึกษากว้างๆให้ใช้เวลาน้อยๆ แล้วค่อยใช้เวลาเยอะขึ้นตอนลง Detail เชิงลึก เปรียบเหมือนตอนเราปีนภูเขา ช่วงแรกตอนอยู่ตีนเขา เราจะพบว่ามันมีหลายทางเลือกมากมายที่เราจะปีนขึ้นไป ให้มาศึกษาทุกทางทั้งหมดก่อนขึ้นไปก็ไม่ไหว ต่อให้ศึกษาไปตอนปีนจริงก็ไม่รู้เหมือนกันเปล่า สู้ลองเลือกทางปีนที่เราชอบและคิดว่าดีคร่าวๆมาก่อนดีกว่า แล้วก็ลองปีนไปประสบกับของจริงเลย ถ้าไม่ดีก็ค่อยปีนลง เพราะ เราใช้เวลาตอนต้นไม่เยอะ ยังพอมีเวลาเริ่มต้นใหม่ได้

ต่อไปนะครับผมก็จะขอพูดพาร์ทในเชิงลึกขึ้นต่อยอดจากการตัดสินใจเลือกหัวข้อแบบกว้างๆ ซึ่งแน่นอนว่าพอลงลึกเวลาที่ใช้และความทุ่มเทในสิ่งที่ทำก็จะเพิ่มขึ้นตามความลึกเช่นกันเหมือนอุปสรรคบนยอดเขา ซึ่งอุปสรรคต้องมากกว่าช่วงอยู่ตีนเขาที่เป็นการเลือกหัวข้อแน่นอน โดยเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆผมจะขอพูดเป็นข้อๆดังนี้ครับ

1) SCOPE

เริ่มแรกหลังจากที่เรารู้แล้วว่าจะวิจัยเกี่ยวกับคุณลักษณะของ Chatbot แบบกว้างๆ ทีนี้เราก็ต้องดูมาว่าแล้วอยากสร้าง Impact ให้กลุ่มใด และทำการ Scope สิ่งที่จะวิจัยให้มันแคบลงเรื่อยๆจนสุดท้ายออกมาเป็นหัวข้อที่เหมาะสมจริงๆ อย่างคุณลักษณะของแชทบอทที่จะศึกษา เนื่องจากภาษาไทยสามารถใช้แบ่งเพศและความเป็นทางการได้ง่าย และคุณลักษณะเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ดังนั้นผมจึงเลือกศึกษาเพศและความเป็นทางการ หรือในส่วนอุตสาหกรรมที่จะศึกษา เนื่องจากผมอยากสร้างงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อแม่ค้าออนไลน์ ผมก็เลยเลือกอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มอีคอมเมิร์ซบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือที่เราเรียกกันว่า โซเชียลคอมเมิร์ซ โดยสุดท้ายหลังจากที่ผมกำหนด Scope ได้ ผมก็จะได้วัตถุประสงค์การวิจัยออกมา นั้นคือการศึกษาผลกระทบของเพศและความเป็นทางการของ Chatbot ที่มีผลต่อความพึงพอใจและการรับรู้คุณภาพบริการของผู้เยี่ยมชมโซเชียลคอมเมิร์ซ โดยวัตถุประสงค์นี้ก็จะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่จะช่วยเราไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางจนจบงานวิจัยครับ

2) TOOL

หลังจากที่เราได้วัตถุประสงค์การวิจัย เราก็ต้องมาหาวิธีการเก็บข้อมูลที่เหมาะสม เนื่องจากงานวิจัยของผมเป็นงานวิจัยปริญญาโทเป็นงานที่มีกรอบเวลาจำกัด ดังนั้นผมจึงต้องเลือกเครื่องมือที่สามารถพัฒนาแชทบอทได้เร็ว นั่นคือ Chatfuel ครับ โดยอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกใช้เครื่องมือนี้ก็เพราะกลุ่มคนที่ผมมุ่งเป้าจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งตัว Chatfuel เป็น Tool การพัฒนา Chatbot ที่แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ความรู้การเขียนโปรแกรม ก็สามารถใช้ Tool นี้เพื่อพัฒนา Chatbot ได้ สำหรับใครอยากรู้จัก Chatfuel เพิ่มเติม สามารถย้อนกลับไปอ่านบทความของผมได้ครับ

3) DESIGN

ขั้นตอนออกแบบเริ่มแรกเราต้องนึกถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัยก่อนครับ หลักการของการเก็บข้อมูลในงานวิจัยคือต้องเก็บข้อมูลได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และสามารถควบคุมปัจจัยภายนอกอื่นๆไม่ให้มารบกวนมากที่สุดครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราวิจัยเรื่องผลกระทบของการให้ปุ๋ยต่อการเติบโตของต้นไม้ เราก็ต้องมีต้นไม้ 2 กระถาง กระถางหนึ่งใส่ปุ๋ย อีกกระถังหนึ่งไม่ใส่ปุ๋ย โดยที่ปัจจัยภายนอกอื่นเราต้องพยายามควบคุมให้เหมือนกัน เช่น ต้นไม้พันธ์เดียวกัน ปลูกที่เดียวกัน และแสงที่ได้รับเท่ากัน เป็นต้น เพื่อให้เรามั่นใจว่าการแตกต่างของการเติบโตต้นไม้ 2 ต้นนี้เป็นผลมาจากการให้ปุ๋ยจริงๆ

ดังนั้นด้วยที่ผมศึกษาด้านเพศและความเป็นทางการของ Chatbot ผมจึงพัฒนา Chatbot ออกมา 4 โมเดล

  1. Chatbot เพศหญิง ใช้ภาษาเป็นทางการ

http://m.me/102554987771744

2. Chatbot เพศชาย ใช้ภาษาเป็นทางการ

http://m.me/109610370391831

3. Chatbot เพศหญิง ใช้ภาษาไม่เป็นทางการ

http://m.me/103227017703487

4. Chatbot เพศชาย ใช้ภาษาไม่เป็นทางการ

http://m.me/110820970270160

โดยทุกอย่างใน 4 โมเดล ผมจะพยายามควบคุมให้เหมือนกัน เว้นแต่รูปแบบการใช้ภาษาของ Chatbot ที่จะมีความแตกต่างกัน เช่น ลักษณะการใช้คำสรรพนามแทนตัวตน หรือคำลงท้าย และการใช้ Emoji เป็นต้น ดังตัวอย่างในรูป

โดยในการเก็บข้อมูลจากหน่วยตัวอย่าง ผมจะหาคนมาทดลองใช้ Chatbot เหล่านี้ และทำการจำลองสถานการณ์ว่าพวกเขากำลังอยากได้สินค้าจากร้านค้า แต่เจ้าของร้านไม่อยู่ เขาจึงต้องทำการคุยกับ Chatbot เพื่อใช้ในการหาราคาเสื้อเบื้องต้น ซึ่งหลังจากที่เขาได้ข้อมูลราคาเสื้อจากการคุยกับ Chatbot แล้ว ผู้การทำการทดลองก็จะมาทำการประเมินในแบบทดสอบจากการรับรู้ประสบการณ์การใช้ Chatbot นี้ต่อไป

4) TEST

บางคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องมีขั้นตอนทดสอบนี้ ทำไมเราไม่ไปเก็บข้อจริงเลยละ แน่นอนครับว่าต่อให้เราเก่งเพียงใด สุดท้ายเราก็ต้องมีข้อผิดพลาด ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดความผิดพลาดนี้ก่อนไปทำการเก็บข้อมูลจริงครับ ซึ่งปกติในสายงานวิจัยเขาจะเรียกกันว่าการทำ Pilot Testing ครับ

ผมบอกได้เลยว่าก่อนไปเก็บข้อมูลจริง ผมได้ทำการทดสอบตัวโมเดล Chatbot ผมเยอะมาก โดยเป็นการทำ Trial & Error ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมพบว่าการ Test ที่ดีที่สุด คือ การที่เราไปคลุกคลีกับคนที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายงานวิจัยให้มากที่สุดครับ พยายามคุยและเก็บ Feedback แน่นอนครับว่า Feedback ที่เราได้รับมันอาจเยอะมาก ซึ่งตัวเราเองก็ต้องเป็นคนกลั่นกรอง และเลือกว่าเราควรใช้ Feedback ใดไปปรับปรุงในงานวิจัย โดยการเก็บข้อมูลทดสอบนี้ผมแนะนำว่าให้เก็บข้อมูลทั้งจากการสัมภาษณ์ (เชิงคุณภาพ) และข้อมูลที่เป็นตัวเลข (เชิงปริมาณ) จากการประเมินแบบสอบถามครับ

CDSMR | Brenda Crenshaw

ตัวอย่างการ Test ของผม เช่น การ Test การใช้ภาษาของแชทบอทในแต่ละโมเดล เพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้ทดลองสามารถรับรู้คุณลักษณะของ Chatbot ในแต่ละโมเดลได้อย่างถูกต้อง เช่น เป็นเพศหญิงไหม มีระดับความเป็นทางการเท่าไหร ถ้าเก็บข้อมูลแล้วผู้ทดลองบอกข้อมูลผิด เราก็ต้องไปสัมภาษณ์เพื่อถามเหตุผลเพิ่มเติม และนำ Feedback มาปรับลักษณะการใช้ภาษาของ Chatbot ในแต่ละโมเดล ทำไปเรื่อยๆจนกว่าข้อมูลที่เราทำการ Test จะอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ และการ Test ระดับความยากของโจทย์การใช้ Chatbot ของผู้ทดลอง ซึ่งง่ายเกินไปก็ไม่ดี ยากไปก็ไม่ได้ ซึ่งท้ายสุดผมก็ได้เป็นโจทย์ให้ผู้ทดลองในการหาราคาสินค้าในร้านค้าออนไลน์ เป็นต้น โดยการ Test เหล่านี้เราควรทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ครับ เพราะ สิ่งนี้จะเป็นสิ่งยืนยันว่าการทดลองใช้โมเดล Chatbot ของเรามีคุณภาพเวลาไปใช้เก็บข้อมูลงานวิจัยจริง

5) IMPLEMENTATION

หลังจากที่เรา Test และปรับแก้ไขอะไรเสร็จสิ้น ทีนี้เราก็ไปเก็บข้อมูลจริงโลดครับ ซึ่งในขั้นตอนนี้ผมบอกเลยได้ว่าเราจะไม่ค่อยเจออุปสรรคอะไรมากมายครับ เพราะอุปสรรคข้างต้นส่วนใหญ่เราจะพบในขั้นตอน Test หมดแล้วถ้าเราทำมากพอ ซึ่งหลังจากที่เราเก็บข้อมูลถึงเป้าที่กำหนด เราก็นำผลลัพธ์เหล่านี้มาทำการทดสอบทางสถิติและวิเคราะห์ผลต่อไปครับ

สรุปส่งท้าย

ก็จบไปแล้วนะครับการรีวิวใช้ Chatbot เบื้องต้นในงานวิจัยของผม เพื่อนๆบางคนอาจสงสัยว่า ทำไมเหมือนมันยังไม่จบเลย เอาจริงคือการทำงานวิจัยยังไม่จบจริงๆครับ ยังมี Part อื่นมากมายในงานวิจัยที่ผมไม่ได้กล่าวถึง แต่ส่วนของการใช้ Chatbot นี่คือจบแล้ว เพราะ พาร์ทอื่นของการวิจัยนอกเหนือจากนี้มันจะเป็นส่วนของการวิเคราะห์ทางสถิติและสรุปผล ซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับ Chatbot ผมจึงขอหยุดไว้เท่านี้ครับ โดยทั้งหมดจากบทความนี้จะเห็นได้ว่าการทำวิจัยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำมากครับ ดังนั้นเหมือนอย่างที่ผมเคยกล่าวว่าอย่าไปเสียเวลากับช่วงเริ่มต้นกับการศึกษาในขณะที่ยังไม่เลือกหัวข้อมากนัก Fail Fast Done Fast แล้วสุดท้ายเราก็จะไปถึงยอดเขาได้ในที่สุดครับ ขอบคุณครับ

P.S. สำหรับเพื่อนๆท่านใดสนจัยผลการวิจัยของงานชิ้นนี้ของผม สามารถติดตามต่อได้ในตอนหน้าที่ลิงค์นี้ได้เลยครับผม

--

--

Nut P
Nut P

Written by Nut P

มาคุยกันได้ครับ สนใจด้าน Tech & Business fb.com/inut.panpp

No responses yet