ตอนนี้ก็จะเป็นบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวคิดที่ทำให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจของ Founder ด้าน Health Insurance ชื่อดัง หรือ Clover Health ซึ่งผมบอกได้เลยว่าตอนนี้เหมาะกับคนที่กำลังจะเริ่มหรือเพิ่งเริ่มธุรกิจเอามากๆ บริษัทอะไร ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้กว่า 1.2 พันล้านเหรียญ น่าสนใจมากครับ อย่ารอช้า เชิญเพื่อนๆติดตามต่อได้เลยครับผม 👋👋
Clover Health เป็นบริษัทสตาร์ทอัพอเมริกัน Health Insurance ชื่อดัง ที่มีเป้าหมายในการใช้ Data วิเคราะห์พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยลดค่าเบี้ยประกันผู้สูงอายุ โดยหลังจากที่ผู้สูงอายุนั้นต้องการรักษา บริษัทจะเริ่มใช้เทคโนโลยีเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ โดยการส่งพยาบาลฝึกหัดหรือผู้มีจิตอาสาเข้าไปดูแล ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะเป็นวิธีที่ช่วยลดรายจ่ายให้ผู้สูงอายุแล้ว ยังเป็นประโยชน์แก่บริษัทประกันในด้านต้นทุนอีกด้วย
ด้วยความสำเร็จของโมเดลธุรกิจ Clover Health สามารถก้าวไปเป็น Unicorn หรือบริษัทที่มีมูลค่ามาก 1 พันล้านเหรียญ ด้วยการใช้เวลาเพียง 3 ปี ซึ่ง Vivek Garipalli คือคนที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จนี้
Vivek Garipalli เป็น Co-founder และ CEO ของ Clover Health พื้นหลังของเขาเริ่มต้นมาจากสายการเงิน แต่ด้วยที่เขามีความสนใจในธุรกิจสุขภาพ และได้มีโอกาสได้ร่วมทำงานกับองค์กรด้านสุขภาพหลายๆแห่ง ทำให้สุดท้ายเขาก่อตั้ง Clover Health ขึ้นในปี 2014 ซึ่ง Sequoia ได้ทำการสัมภาษณ์ Garipalli และได้ถาม 7 คำถาม ที่ชี้ถึงแนวคิดของการประสบความสำเร็จในธุรกิจของเขา
อะไรเป็นสิ่งที่คุณพยายามเรียนรู้อยู่ทุกวัน..?
ผมพยายามที่จะเรียนรู้ในการมองใกล รู้ไหมครับว่าการสร้างธุรกิจหนึ่งมันต้องใช้เวลานาน และมักจะพบสิ่งผิดพลาดเสมอ คุณควรจะชินกับมันได้แล้ว และต้องพยายามที่จะอยู่กับมัน ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จอะนะ
การเลือก Business Model คุณควรเลือกสิ่งที่มันใกล้กับพันธกิจของคุณ มันไม่ใช่ว่าคุณจะเริ่มทำอะไรดีๆได้เมื่อคุณมีรายได้ แต่มันคือการที่ได้รายได้จากสิ่งดีๆที่คุณทำ ตอนผมเริ่มต้นทำธุรกิจ ผมโฟกัสไปกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจมาก ธุรกิจด้านสุขภาพมันเป็นสิ่งไม่ตาย ผมนึกภาพตัวเองในการเป็น CEO ในวันนี้ที่ไม่ได้มีการช่วยเหลือคนไม่ออกเลย การสร้างมูลค่าเพิ่มให้โลก มันอะไรที่น่าภาคภูมิใจมากสุดแล้ว ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจแก่คุณและทีมงานในการทำงานและก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆไปได้
มีคำแนะนำเล็กๆอะไรที่คุณอยากบอกกับคนที่อยากเริ่มตั้งบริษัทไหม..?
ทางเดียวที่ผมรู้ในการเริ่มต้นธุรกิจ คือ แค่รีบๆเริ่มลงมือทำครับ คุณอาจจะไปตายตอนเริ่มทำ Financial Model จนหยุดชะงัก หรือโชคดีไปต่อได ้ผมอะ ได้เข้าไปซื้อธุรกิจชิ้นแรกด้านสุขภาพในช่วงอาทิตเดียวย์กับที่ผมเพิ่งออกจากงานด้านการเงินเลย
เพราะพ่อผมเป็นหมอ ผมเลยได้มีโอกาสได้เดินเที่ยวพวกศูนย์การแพทย์ที่พ่อผมทำงาน ซึ่งผมได้บังเอิญไปเจอศูนย์ให้การนอนหลับ ผมเลยได้ไปลองเสิร์ช Google เกี่ยวกับปัญหาด้านนอนหลับดู หลังจากนั้น 2 เดือน ผมก็ได้เป็นเจ้าของศูนย์นั้นทันที เอาจริงนะ ผมมีทางเลือกที่จะทำธุรกิจอีกหลายล้านอัน และผมก็เจอสิ่งผิดพลาดมากมายจากการเลือกทางเลือกนี้ แต่ยังไงก็ตามสุดท้ายสิ่งนี้ มันทำให้ผมมี Clover Health ได้ในอีก 9 ปีต่อมา ออกจากงาน เพื่อไปเริ่มทำอะไรบางอย่าง แล้วก็ล้มเหลว!! ใช้เพราะคุณจะล้มเหลว แต่ก็แค่ไปเริ่มทำสิ่งใหม่สิ ง่ายๆแค่นี้เอง
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆอะไรที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต..?
เมื่อบริษัทของเรากำลังโต ผมต้องพยายามปลีกตัวออกห่างสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ออกมาเรื่อยๆ การที่คุณเริ่มต้นเป็น Founder คุณต้องมี Vision และเข้าใจข้อมูลที่ลงรายละเอียดต่างๆ ดังนั้นคุณยุ่งแน่นอน เมื่อไรที่คุณสามารถหาคนที่มีประสบการณ์ได้นะ ผมคิดว่ามันสำคัญมากเลยในการหาข้ออ้างบางครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงกับการคุยกับบุคคลต่างๆ พยายามไม่สนใจอีเมลบางอัน อดทนที่จะไม่ให้ Feedback หรือข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ เมื่อมีคนมาถาม ถึงแม้ว่าคุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่คุณ
แต่ถึงยังไง สิ่งที่เราเคยชิน มันก็หายยาก และคุณต้องไปพัฒนาความเป็นผู้นำให้ทีม เพื่อที่จะทำให้คุณได้พอมีเวลา ดังนั้นคุณต้องหาคนเก่งให้ได้ และคุณต้องให้อิสละเขาในการทำงาน ผมพบว่าหลังจากที่ผมจำกัดเวลาเข้าไปมีส่วนร่วมกับทีมของผม องค์กรของผมสามารถเดินหน้าได้เร็วขึ้น ในทุกๆวัน ผมจะมีสิ่งที่รู้สึกประทับใจ ต่อให้ผมไม่ได้พูดอะไรนะ เพราะทีมของเราสามารถก้าวเดินไปได้ด้วยลำแข้งของตัวเองในทิศทางเดียวกับที่ผมต้องการ รวมถึงพวกเขายังสามารถทำได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
เอาจริง คุณก็สามารถสร้างองค์กรที่คุณแบกทุกสิ่งไว้ที่หลังได้ ซึ่งผมเคยทำมาแล้ว แต่มันก็ได้แค่นั้น เมื่อไรที่คุณจะทำอะไรใหญ่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงอะไรนะ ยังไงคุณก็ต้องมีทีมที่ใช้คนตั้งแต่ระดับล่างขึ้นบน ซึ่งบางครั้งจะมีคุณหรือไม่มีคุณก็ได้
อะไรที่คุณไม่รู้ แต่คุณอยากรู้..?
ความจริงผมเป็นนักเชื่อตัวยงในแนวคิดที่แบบว่าจะมีบางสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ก้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตั้งแต่แรก เมื่อผมมองกลับไปในช่วงที่ผมเป็นผู้ประกอบการ มันมีหลายอย่างที่ผมไม่ได้ทำ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งเริ่มทำ Clover Health ผมใช้เงินตัวเอง ซึ่งถ้าผมเข้าใจเกี่ยวกับพวกโมเดลประกันสุขภาพมากกว่านี้ และตระหนักถึงต้นทุนของมัน ผมก็คงอาจจะไม่เสี่ยงที่จะทำธุรกิจนี้อะครับ
และก่อนหน้าที่ผมจะทำธุรกิจนี้นะ ผมได้ทำ Flatiron Health ซึ่ง เริ่มต้นผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือจะเป็นเรื่องธุรกิจด้านสุขภาพ แต่เพราะมันเป็นอย่างงั้น มันเลยทำให้เราได้คิดเยอะ เป็นเหตุผลที่ทำเราสามารถคิดไอเดียที่สุดยอดออก และได้เริ่มลงมือทำ
เมื่อผมจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้อะไร ผมก็จะไปเรียนมันนะ แต่ผมก็โอเครกับการอยู่กับความไม่รู้ในช่วงหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาเมื่อไร ผมค่อยรู้ตอนนั้นก็ได้
หนังสืออะไรที่ตอนนี้คุณกำลังอ่านอยู่ในช่วงหัวค่ำ..?
การสร้างสิ่งที่สามารถทำให้พันธกิจและโมเดลธุรกิจของเราเดินคู่ควบกันไป เป็นหัวใจความสำเร็จหลักของบริษัทเราในวันนี้ มันมีหนังสือเล่มเล็กๆ ชื่อว่า Raving Fans ที่เขียนโดย Ken Blanchard และ Sheldon Bowles ซึ่งเนื้อหาในตัวหนังสือสามารถอธิบายเรื่องพวกนี้ได้อย่างมีพลังและเข้าใจง่ายมาก
หรือจะเป็นหนังสือ Net Gain ของ John Hagel III ซึ่งเอาจริงผมยังไม่ได้เริ่มอ่านมันนะ แต่ผมสนใจเนื้อหาในหนังสือที่จะบอกไอเดียด้านการตลาดเกี่ยวกับการให้ข้อมูลลูกค้าในการตัดสินใจ นอกจากนี้ผมก็อ่านหนังสือด้านการเงินด้วย ผมแนะนำ The Obstacle is the Way เขียนโดย Ryan Holiday คือในหนังสือมันจะบอกให้เราเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่จะเจอทั้งหมด และนำสิ่งเหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ เมื่อไรที่คนในบริษัทผมทำอะไรผิดพลาดนะ ผมจะเรียกเขา และบอกเขาว่า “เฮ้ย ไปหยิบหนังสือเล่มนี้มา แล้วเอาไปอ่านช่วงวันเสาร์อาทิตย์นี้นะ แล้วเดี่ยววันจันทร์ เราเจอกัน”
คุณรู้ตัวว่าคุณจะทำอะไรผิดเมื่อไร ..?
ก็แล้วแต่โอกาส เพราะ ผมต้องทำการตัดสินใจอยู่บ่อยๆ ซึ่งผู้ก็รู้สึกโอเครกับการอยู่กับความเป็นจริงที่บอกว่าผมผิดนะ ให้ตัวอย่างนึงก็ช่วงประมาณปีสองปีที่แล้ว ในช่วงที่เราได้ก้าวสู่ตลาดใหม่ ซึ่งมันต้องใช้เรื่องกฏระเบียบเยอะ
เรามีความพยายามมาก แต่เรามีทีมในการดูเรื่องพวกกฎระเบียบน้อย และเราก็ไม่รู้เลยว่าเราต้องใช้คนที่รู้เรื่องนี้ถึงระดับไหน ซึ่งสุดท้ายบริษัทเราก็ไม่ถูกอนุมัติ เพราะเหมือนว่า คนที่อนุมัติมองเราคนละมุม เอาจริงเขาก็หวังดีนะ เพราะพวกนี้มันช่วยให้รักษาผลประโยชน์ของลูกค้าได้ดี
ตอนนี้ก็ถือว่าผมได้อยู่ในธุรกิจด้านสุขภาพนี้มาระดับนึงละ ผมได้เรียนรู้ว่าอุปสรรคในด้านกฎระเบียบ มันมากกว่าที่คิดจริงๆ ซึ่งมันคงไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถหาทางแก้ไขด้วยตนเองได้ในเร็ววัน นั้นเป็นช่วงที่ผมจ้าง Chief Compliance Officer ซึ่งเธอทำได้สุดยอดมาก ประสบการณ์ในตอนนั้นสอนผมถึงความสำคัญในการหาผู้เชี่ยวชาญ แม้แต่ในสิ่งที่เราคิดว่าเราคุ้นเคยแล้ว
ช่วงเวลาไหนเป็นช่วงสำคัญสุด แล้วทำไมถึงเป็นช่วงนั้น..?
เวลาอาบน้ำครับ เพราะ 10 ถึง 15 นาที เวลาที่ผมอาบน้ำ ไม่รู้ทำไม มันจะเป็นช่วงที่ไอเดีย หรือพวกทางแก้ไขปัญหาผุดเข้ามาในหัวผม ผมบอกได้เลยว่า Clover Heath มันขึ้นเกิดได้เพราะช่วงเวลานี้
ในวันนึง มันจะมีหลายช่วง ที่เราทำอะไรเป็นประจำวันและหัวโล่งๆ อาจจะเป็นการอาบน้ำ แปรงฟัน คุณจะแบบจดจ่ออยู่กับความคิดในหัวของคุณ ดังนั้นคุณอาจถือโอกาสหาประโยชน์จากสิ่งนี้ มันจะมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้หัวของคุณเข้าโหมดครีเอทีฟ ซึ่งมันเป็นประโยชน์มาก มันเป็นช่วงที่ผมจะเป็นแบบ “อ่ออ!! มันต้องทำแบบนี้นี่เอง” ผมก็เจอความผิดพลาดจากไอเดียที่คิดได้นี้หลายครั้งเหมือนกันนะ แต่อันที่สามารถช่วยแก้ปัญหาจริงๆได้ก็มีหลายอันอยู่เหมือนกัน
สรุปส่งท้าย
เป็นยังไงกันบางครับกับ 7 คำถาม ที่สื่อถึงแนวคิดของผู้ประสบความสำเร็จในด้าน Heath Insurance ซึ่งความจริงมีหลายข้อที่ได้เรียนรู้จาก Garipalli แต่สิ่งที่ผมชอบเลยคือ การที่ Garipalli มีพันธกิจการทำธุรกิจอย่างชัดเจน และสามารถทำก้าวเดินไปข้างหน้าควบคู่กับพันธกิจนี้ได้อย่างไม่หยุดหย่อน มันเป็นอะไรวิเศษที่วิเศษมากครับ หลายครั้งที่ Garipalli เจออุปสรรคต่างๆที่ทำให้หลงทาง แต่เขาก็คงพยายามหาทางไปที่ถูกต้อง แม้อาจจะต้องถอยหลังหรือเดินอ้อมหน่อย Garipalli เป็นคนที่ยอมรับในข้อผิดพลาด และสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ได้ให้เป็นพลัง จนสุดท้ายเขาก็สามารถไปถึงเส้นชัย เพื่อนๆคนที่สนใจก็ลองนำแนวคิดพวกนี้ไปปฏิบัติดูนะครับ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะคนที่เป็น Founder กำลังเริ่มต้นธุรกิจ แล้วเจอกันตอนหน้า ขอบคุณครับ